"หยวนดิจิทัล” ความพยายามของจีนที่จะโค่น US Dollar
บทวิเคราะห์ โดยTHINK FUTURE
#เกิดอะไรขึ้น#
จีนกำลังจะเป็นประเทศแรกของโลกที่ออกเงินดิจิทัลของชาติบนบล็อคเชน ในตอนนี้เงินดิจิทัลนี้กำลังถูกทดสอบใน 4 เมืองทั่วประเทศจีน ได้แก่ เซินเจิ้น สงอัน เฉิงตูและซูโจว โดยที่เมืองสงอันจะมีการมุ่งเน้นการทดสอบในร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เช่น McDonald และ Starbucks
## หมายความว่าอย่างไร?
จีนยุคใหม่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมาก รัฐบาลเองก็สนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีทุกรูปแบบ
ที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นว่าจีนเน้นไปที่ AI แต่เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้ประกาศในการประชุมกับทางสำนักการเมืองของคณะกรรมการกลางของพรรคว่าจะสนับสนุนบล็อคเชนเทคโนโลยีเพื่อ “เป็นผู้นำในตลาดเกิดใหม่ของบล็อคเชน” ในช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงตอนนี้เราจึงได้ยินข่าวเรื่องการพัฒนาบล็อคเชนจากจีนเยอะมาก ถึงแม้จีนจะเพิ่งประกาศออกมาแต่แท้ที่จริงแล้วจีนได้ซุ่มพัฒนาเงินดิจิทัลบนบล็อคเชนของตัวเองมานานถึง 6 ปีแล้ว และในปีนี้โปรเจคลับที่ซุ่มทำมานานถึง 6 ปีก็พัฒนามาถึงขั้นทดสอบเรียบร้อย
DCEP (DC/EP) หรือ Digital Currency Electronic Payment คือสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติของจีนซึ่งถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อคเชนและการเข้ารหัส (Cryptographic) เป็นหลัก (แต่มีเทคโนโลยีอื่นผสมด้วยเพราะข้อจำกัดบางประการของบล็อคเชน) DCEP จะถูกยึดกับเงินหยวนในอัตรา 1:1 สกุลเงินนี้แตกต่างจาก Libra ของ Facebook ที่ถูกสร้างขึ้นโดยบริษัทเอกชนตรงที่ DCEP ถูกสร้างขึ้นโดยรัฐบาลจีนเอง ดังนั้นเราสามารถเรียกมันได้อย่างเต็มปากว่าหยวนดิจิทัล DCEP จะมีการใช้งานหลักๆอยู่สองแบบ หนึ่งคือการใช้สำหรับการค้าทั่วไป สองคือการใช้โอนเงินภายในของธนาคาร
ทีนี้ก็มาถึงคำถามสำคัญ ทำไมจีนถึงสร้างหยวนดิจิทัลขึ้นมา?
ผู้นำสถาบันวิจัยสกุลเงินดิจิทัลของจีนให้เหตุผลในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลว่า “เพื่อปกป้องอธิปไตยทางการเงินและสถานะทางการเงินของจีน เราต้องวางแผนสำหรับในช่วงเวลาคับขัน” อาจเป็นเพราะประวัติศาสตร์ที่เคยโดนล่าอาณานิคมทำให้จีนหวงแหนอำนาจอธิปไตยของตัวเองมาก
James A. Garfield ประธานาธิบดีคนที่ 20 ของอเมริกาเคยกล่าวไว้ว่า “Whoever controls the volume of money in any country is absolute master of all industry and commerce” แปลได้ว่าใครก็ตามที่สามารถควบคุมเงินในประเทศไหนก็ได้คือผู้ชนะในทุกอุตสหกรรมและการค้า สิ่งที่ทำให้อเมริกาเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งเป็นเวลานานนั้นไม่ใช่เพราะแสนยานุภาพของกองทัพแต่เป็นสกุลเงิน US Dollar ต่างหาก เงินดอลลาร์ถือได้ว่าเป็นสกุลเงินของโลกมาเป็นเวลานาน ข้อมูลจาก IMF ชี้ว่าในปัจจุบันมากกว่า 61% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศทั่วโลกเป็นเงินดอลลาร์ซึ่งอยู่ในรูปเงินสด พันธบัตร และตราสารหนี้ต่างๆ และกว่า 40% ของหนี้ทั่วโลกก็อยู่ในสกุลดอลลาร์เช่นกัน ถ้าจีนไม่รีบพัฒนาเงินดิจิทัลของตัวเองขึ้นมาแล้วปล่อยให้ทางอเมริกาไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือ Facebook ทำสำเร็จก่อน จีนเองจะมีความเสี่ยงที่จะโดนดอลลาร์ควบคุมมากขึ้นกว่าเดิม
แต่นอกจากเพื่อรักษาอธิปไตยทางการเงินแล้ว จีนยังต้องการผลักดันให้เงินหยวนดิจิทัลกลายเป็นตัวเลือกในการใช้ทำ Cross Border Payment หรือการชำระเงินข้ามพรมแดนแทน SWIFT ซึ่งจะเป็นการเพิ่มการหมุนเวียนของเงินหยวนในระดับโลก แน่นอนว่าความหวังสูงสุดของจีนคือการได้เป็นสกุลเงินของโลกแบบเงินดอลลาร์
## มีผลกระทบกับเราอย่างไร?
โปรเจคระดับชาติของประเทศที่เป็นมหาอำนาจลำดับสองของโลกย่อมต้องสร้างแรงสั่นสะเทือนไปในทุกระดับ แต่ในบทความนี้เราจะโฟกัสไปที่ผลกระทบของหยวนดิจิทัลกับเรื่องการเงินของโลกเท่านั้น
สำหรับเงินหยวน: ในขั้นต้นสกุลเงินหยวนไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรเพราะ DCEP คือการเปลี่ยนรูปเงินหยวนแบบกระดาษไปสู่รูปแบบดิจิทัลเท่านั้นเอง ดังนั้นมันจึงไม่มีผลกระทบอะไรมาก แต่ถ้าในระยะยาวหยวนดิจิทัลถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้นซึ่งรวมถึงการค้าระหว่างประเทศหรือเป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ในตอนนั้นเงินหยวนจะมีอำนาจมากขึ้นในเวทีโลก
สำหรับอเมริกา: นักวิเคราะห์ของนิตยสาร Fortune ได้วิเคราะห์ไว้ว่า ชัยชนะของจีนในสังเวียนสกุลเงินดิจิทัลอาจจะส่งผลเสียต่ออเมริกาและกลุ่มทุนของประเทศทางตะวันตกถ้าธุรกิจระหว่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องผ่านธนาคารหรือองค์กรที่อเมริกาควบคุมอยู่ อเมริกาจะสูญเสียสิทธิในการลงโทษ (Sanction) ประเทศอื่นๆเวลาทำผิดกฏการค้าหรือทำอะไรให้อเมริกาไม่พอใจ นอกจากนี้ประเทศคู่ค้าของจีนก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ (ปกติการค้าระหว่างประเทศจะถูกแปลงเป็นเงินดอลลาร์ก่อนเพราะเราใช้ระบบ Money Settlement ของอเมริกา) ทำให้ประเทศเหล่านี้ไม่ต้องตุนดอลลาร์ไว้ในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์มีความต้องการน้อยลงและอาจส่งผลต่อความเสื่อมอำนาจของเงินดอลลาร์
ธนาคารกลางประเทศต่างๆ: ในขั้นแรกธนาคารกลางของประเทศต่างๆอาจจะไม่รู้สึกถึงผลกระทบของหยวนดิจิทัล แต่เมื่อเวลาผ่านไปธนาคารกลางของหลายประเทศที่จีนเป็นคู่ค้าสำคัญหรือประเทศที่ประชาชนไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจหรือรัฐบาลของประเทศตัวเองอาจจะเริ่มปวดหัวไปตามๆกัน ในประเทศเหล่านี้ประชาชนอาจจะพอใจที่จะใช้เงินหยวนมากกว่าเงินของประเทศตัวเอง เราอาจจะเคยเห็นมาแล้วว่าประชาชนในประเทศที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจหรือการเมืองพอใจที่จะถือสกุลเงินต่างประเทศมากกว่าของประเทศตัวเอง ด้วยความที่หยวนชนิดใหม่นี้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลทำให้มันไร้พรมแดน คนสามารถเก็บเงินจำนวนมหาศาลไว้ในโทรศัพท์เครื่องเดียวได้ หากประชาชนจำนวนมากเลิกใช้เงินของประเทศตัวเองเมื่อไหร่นั้นหมายความว่าประเทศนั้นได้เสียอำนาจอธิปไตยทางการเงินของตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว หยวนดิจิทัลอาจจะมากระตุ้นให้เกิดสิ่งเหล่านี้เร็วขึ้น
ส่วนธนาคารกลางของประเทศที่เห็นจีนเป็นภัยคุกคามก็จะเริ่มออกสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติออกมาเพื่อพยายามรักษาอำนาจทางการเงินของประเทศตัวเอง อย่างน้อยเราสามารถมั่นใจได้เลยว่าประเทศในกลุ่ม G20 หรือแม้กระทั้งไทยเองจะต้องออกสกุลเงินของตัวเองในรูปแบบดิจิทัลออกมาในที่สุด
ธนาคารพาณิชย์ประเทศต่างๆ: ธนาคารพาณิชย์ในประเทศต่างๆอาจจะต้องเริ่มทบทวนบทบาทและโมเดลธุรกิจของตัวเองใหม่ แม้ว่าหยวนดิจิทัลจะยังไม่มีผลกระทบทางตรงกับธนาคารเหล่านี้ แต่ผลกระทบทางอ้อมนั้นก็รุนแรงไม่แพ้กัน นั้นก็คือถ้าธนาคารกลางของประเทศเหล่านี้ออกสกุลเงินดิจิิทัลของประเทศออกมาในที่สุด ประชาชนอาจจะเริ่มตั้งคำถามแล้วว่าทำไมเรายังต้องเอาเงินไปฝากธนาคารในเมื่อเราสามารถเก็บไว้กับตัวได้ ธนาคารพาณิชย์ที่มีโมเดลธุรกิจในการเอาเงินฝากของลูกค้ามาทำธุรกิจอาจจะต้องเตรียมพร้อมถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงในอนาคต
สำหรับประเทศไทย(และประเทศอื่นๆ): หยวนดิจิทัลจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไทยอย่างรวดเร็วแบบ Libra ของ Facebook นั้นก็เพราะว่าประเทศจีนไม่ได้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่มีคนไทย 40 กว่าล้านคนใช้งานอยู่แล้ว คนไทยโดยส่วนใหญ่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรในการต้องใช้เงินหยวน อย่างไรก็ตามไทยอาจโดนจีนบีบให้ใช้หยวนดิจิทัลในการทำการค้ากับจีนเพื่อที่จะกระตุ้นความต้องการเงินหยวนในระดับโลก คุ้นๆเรื่อง Belt and Road Initiative หรือเส้นทางสายไหมยุคใหม่ที่จีนเป็นคนเริ่มไหมครับ? นั้นแหละครับ Think Future คิดว่าคงโดนบังคับใช้กันทุกประเทศในเส้นทางเลย ผู้ประกอบการที่ทำการค้ากับจีนอาจจะต้องเปิดบัญชีบนบล็อคเชนของหยวนดิจิทัลเพื่อที่จะสามารถทำธุรกิจได้เช่นเดียวกับที่ผู้ประกอบการเหล่านี้เปิดรับ Alipay และ Wechat Pay และแน่นอนถ้าไทยใช้หยวนดิจิทัลเมื่อไหร่จีนก็จะรู้ความเคลื่อนไหวของเงินระหว่างไทย-จีนมากขึ้นกว่าเดิมซึ่งอาจจะทำให้เกิดความได้เปรียบทางการค้ากับไทยในอนาคต
https://www.blockdit.com/articles/5eaff266250a650ca08e9b87