วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

จับตาศึกใหม่ 'สหรัฐ-จีน' ชิงผู้นำ 'เงินดิจิทัล'


จับตาศึกใหม่ 'สหรัฐ-จีน' ชิงผู้นำ 'เงินดิจิทัล'

4 พฤษภาคม 2563 | โดย [บทบรรณาธิการ]


หลังเฟซบุ๊คเปิดลิบราเวอร์ชั่น 2.0 ได้ไม่นาน ที่ในช่วงแรกจะเปิด 4 สกุลเงินหลัก คือ ลิบราดอลลาร์สหรัฐ ยูโร ปอนด์ ดอลลาร์สิงคโปร์  ด้านสื่อท้องถิ่นจีนก็มีข่าวการทดสอบใช้ดิจิทัลหยวนในทันที จึงเป็นที่น่าจับตามองว่าอนาคตใครจะเป็นผู้นำศึกเงินดิจิทัลนี้
       ทันทีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ “โควิด-19” มีแนวโน้มผ่อนคลายลง หลังบริษัทยาในสหรัฐค้นพบว่า ยาต้านไวรัสที่ชื่อ remdesivir ใช้รักษาโรคโควิด-19 ได้ในระดับที่น่าพึงพอใจ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ก็ออกมาข่มขู่ “จีน” ทันทีว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้ารอบใหม่ พร้อมกับกล่าวหาว่าจีน คือ ต้นตอการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ ทำให้บรรยากาศการห้ำหั่นระหว่าง “จีน” กับ “สหรัฐ” กลับมาเป็นประเด็นอีกรอบ
อีกหนึ่ง “สนามรบ” ที่ควรต้องจับตา ซึ่งเราเชื่อว่าทั้ง “จีน” และ “สหรัฐ” จะแข่งกันช่วงชิงความเป็น “ผู้นำ” ในสนามนี้ คือ “ตลาดเงินดิจิทัล” ...ตลาดเงินดิจิทัลในที่นี้ไม่ได้หมายถึง เงินดิจิทัลที่ต้องอาศัยการเข้ารหัส หรือ “cryptocurrency” เช่น บิทคอยน์
แต่เป็นเงินดิจิทัลที่มีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง หรือที่เรียกว่า “stable coin” โดยคำว่า stable coin เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อครั้งที่ “เฟซบุ๊ค” เปิดตัว “ลิบรา” ในปีที่ผ่านมา แต่สุดท้ายลิบราก็ถูกเบรกไป เพราะธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กังวลว่า ลิบรา จะส่งผลต่อเสถียรภาพการเงินโลก
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 เม.ย.ที่ผ่านมา “เฟซบุ๊ค” ได้เปิดตัวลิบราอีกรอบ เป็นลิบราใน “เวอร์ชั่น 2.0” ซึ่งเวอร์ชั่นนี้จะไม่ใช่ “ลิบรา” สกุลเดียวแล้วใช้กันทั่วโลกเหมือนในเวอร์ชั่นแรก แต่จะเป็นลิบราที่ “ธนาคารกลาง” ทุกแห่งทั่วโลกสามารถสร้างเงินดิจิทัลของตัวเองขึ้นมาได้ โดยช่วงแรกจะเปิดใน 4 สกุลเงินหลักก่อน คือ ลิบราดอลลาร์สหรัฐ ลิบรายูโร ลิบราปอนด์ และลิบราดอลลาร์สิงคโปร์ เพียงแต่การจะออกสกุลเงินเหล่านี้ได้ ต้องมีสินทรัพย์จริงหนุนหลัง เช่น ถ้าจะออก “ลิบราดอลลาร์สหรัฐ” ขึ้นมา 1 พันล้านเหรียญ ก็ต้องมีเงินดอลลาร์จริงมาฝากไว้ 1 พันล้านเหรียญเช่นกัน
หลัง “เฟซบุ๊ค” เปิดเผยไวเปเปอร์ของลิบราเวอร์ชั่น 2.0 ได้ไม่นาน สื่อท้องถิ่นจีนก็รายงานข่าวการทดสอบใช้ “ดิจิทัลหยวน” ในทันที ซึ่งเป็นการทดสอบโดยธนาคารกลางจีน (PBOC) ตามรายงานระบุว่า PBOC เริ่มทดสอบการใช้เงินดิจิทัลหยวนใน 4 เมืองหลัก คือ เซิ่นเจิ้น, ซูโจว, เฉินตู และ สงอัน โดยมีร้านค้าชั้นนำกว่า 19 แห่ง เข้าร่วมทดสอบด้วย ในจำนวนนี้มีบริษัทเอกชนจากสหรัฐ เช่น แมคโดนัลด์ สตาร์บัค และซับเวย์ เข้าร่วมทดสอบด้วย ซึ่งการทดสอบทางการจีนจะโอนเงินเดือนของข้าราชการที่อยู่ใน 4 เมืองนี้ เป็นสกุลเงินดิจิทัลหยวนครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งเป็นเงินหยวนปกติ
ข่าวการทดสอบ “ดิจิทัลหยวน” ของจีน รวมทั้งการเปิดตัว “ลิบรา 2.0” ของเฟซบุ๊คจากสหรัฐ ถือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามใกล้ชิด ยิ่งวิกฤติโควิดนับเป็นโอกาสของตลาดเงินดิจิทัล เนื่องจากผู้คนจะกังวลกับการหยิบจับธนบัตรและเหรียญกษาปณ์ อีกทั้งเงินดิจิทัลยังช่วยให้ “ตัวคูณ” ในระบบเศรษฐกิจหมุนได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นด้วย
ในฝั่งของดิจิทัลหยวนชัดเจนว่า “รัฐบาลจีน” ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ พร้อมตั้งเป้าหมายขึ้นเป็นผู้นำในตลาดดังกล่าวด้วย ส่วนฝั่งของ “ลิบรา” ยังต้องดูท่าทีเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐ แต่หาก “สหรัฐ” ต้องการช่วงชิงความเป็นผู้นำในตลาดนี้ ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงการสนับสนุน “เฟซบุ๊ค” ในการผลักดันโครงการลิบราเพื่อต่อกรกับดิจิทัลหยวน ...เราเชื่อว่านับจากนี้ไปตลาดเงินดิจิทัลจะมีแต่ความคึกคัก