“สหรัฐฯ-จีน” จุดแตกหัก? ชนวนก่อสงครามหลังโควิด-19 : [คำต่อคำ] SONDHI TALK
[คำต่อคำ] SONDHI TALK : “สหรัฐฯ-จีน” จุดแตกหัก? ชนวนก่อสงครามหลังโควิด-19
เผยแพร่: 8 พ.ค. 2563 09:13 ปรับปรุง: 8 พ.ค. 2563 22:26 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ "สนธิ"เชื่อสถานการณ์หลังโควิด-19 ระบาด สหรัฐฯ ยังไม่กล้าเปิดสงครามกับจีน เพราะขีดความสามารถของกองทัพไม่ได้เหนือกว่าจีนมากนัก และเมื่อจีนจับมือกับรัสเซีย-เกาหลีเหนือ สหรัฐฯ ก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ "โดนัลด์ ทรัมป์"จะใช้ความสับปลับของตัวเอง อ้างว่าจีนปล่อยเชื้อไวรัสใส่อเมริกาไปหาเสียงกับคนอเมริกันในช่วงเลือกตั้ง แล้วโยนความผิดที่ตนเองไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ไปให้จีน รวมทั้งเล่นเกมฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจีน ขณะเดียวกันก็จะหาทางตัดห่วงโซ่อุปทานของจีน เพื่อให้จีนไม่เป็นโรงงานของโลกอีกต่อไป ส่วนกรณีปัญหาการบินไทย แม้รัฐบาลจะตัดสินใจอุ้มต่อ ก็แค่ยืดเวลาเจ๊ง ทางรอดมีทางเดียวคือต้องลดคนลง 70% ลดเงินเดือนผู้บริหาร ลดจำนวนเครื่องบินลง แล้วยุบไทยสมาลย์มารวมกัน เปิดบินเฉพาะในประเทศ วันที่ 8 พ.ค.63 เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” และช่องยูทูป Sondhitalk ที่จะมาเล่าเรื่องราวต่างๆ ของสหรัฐอเมริกามาเชื่อมโยงให้เห็นว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังโกหกทำอะไรบ้าง เเละมีชนวนเหตุไหนเสี่ยงต่อการเกิดสงคราม รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด-19 แท้จริงแล้วมาจากที่ไหนกันแน่ เป็นอย่างที่อเมริกาโยนไปให้จีนหรือเปล่า ติดตามรัมชมได้ในรายการ Sondhitalk : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง ep 32 “สหรัฐฯ-จีน” จุดแตกหัก? ชนวนก่อสงครามหลังโควิด-19 พร้อมแนะทางรอดของการบินไทย และตอบจดหมายชี้แจงจาก นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม
VIDEO
คำต่อคำ SONDHI TALK [8 พ.ค. 63] : สหรัฐฯ-จีน จุดแตกหัก? ชนวนก่อสงครามหลังโควิด-19 [การนำเสนอเนื้อหาเฉพาะเรื่องที่ 3 ..สิตะวัน]
เรื่องที่สาม ก็คือเรื่องที่เป็นหัวข้อใหญ่ของการสนทนาในวันนี้ ก็คือการที่เราดูวิวัฒนาการของโควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศจีนนั้น คำถามท่านผู้ชมหลายคนมีมาอยู่ตลอดเวลาว่ามันจะมีโอกาสเกิดสงครามไหม สงครามถ้าเกิดจะเกิดแบบไหน และถ้าไม่มีโอกาสจะเกิดสงคราม จะไม่มีอย่างไรบ้าง ?? เรื่องที่สามนั้นเป็นเรื่องที่ต้องพูดกันยาวนิดหนึ่ง เพราะว่าต้องมีการอธิบายให้ฟังถึงที่มาที่ไปของความขัดแย้งนี้ จริงๆ แล้วสหรัฐอเมริกากับจีนในทางเปิดดูเหมือนเป็นมิตรประเทศที่ค้าขายกันดี แต่ในทางปิด ทั้งสองประเทศเป็นศัตรูกันอย่างชนิดที่เรียกว่า ระวังตัวซึ่งกันและกันอย่างมากมาย และอีกประการหนึ่ง วันนี้ก็จะเป็นวันที่ผมคิดว่าถึงเวลาจะต้องมาพูดกันให้ชัดเจนแล้วว่า ในที่สุดแล้วโควิด-19 มันมาอย่างไร ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนก็ใช้ไอโอกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันหนัก สหรัฐฯ ก็ทุ่มเท ใช้ไอโอของตัวเอง บอกว่าโควิด-19 ที่เกิดขึ้นนั้น จีนเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้น และจีนไม่ระมัดระวังตัว ทำให้โควิด-19 นั้นแพร่กระจายไปทั่วโลก ถึงขั้นที่เรียกว่ามีรัฐบางรัฐ อย่างเช่น รัฐมิสซูรี ในสหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มทนายความทึ่รัฐฟลอริดา ก็เริ่มร่างฟ้องที่จะฟ้องประเทศจีนที่ทำให้เสียหาย เขาเรียกว่า เรียกปฏิกรรมสงครามสาธารณสุขจากประเทศจีน
ในขณะเดียวกัน ทางอินเดียก็เริ่มมีความเคลื่อนไหว ออสเตรเลียก็มีความเคลื่อนไหว อังกฤษก็มีความเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนั้นความเคลื่อนไหวที่เป็นทางการยังไม่มี ถ้าเป็นทางการก็เฉพาะรัฐมิสซูรีเท่านั้นเอง ที่เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐอเมริกา แต่เรื่องนี้จะฟ้องได้หรือฟ้องไม่ได้ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง ท่านผู้ชมครับ
ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องความขัดแย้งระหว่างประเทศจีนกับประเทศสหรัฐอเมริกา ระยะนี้ท่านจะเห็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เป็นการวิวาทะกัน เป็นการโต้กัน ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไมค์ พอมเพโอ
ไมค์ พอมเพโอ ผมเล่าแบ็กกราวด์ให้ฟังนิดหนึ่ง อดีตเขาเป็นผู้อำนวยการองค์กร CIA ซึ่ง CIA นั้นก็คือ ผมเรียกว่าอันธพาลมืด เป็นสายมืด ก็คือผู้ที่ทำงานเรื่องการเป็นสายลับ แทรกซึม ปลุกปั่นคน การประท้วงที่ฮ่องกง โจชัว หว่อง พวกนี้ พวก CIA ของอเมริกา หรือ MI5 หน่วยงานสืบราชการลับของอังกฤษ มีส่วนเกี่ยวข้องไปหลายอย่าง แม้กระทั่งการประท้วงในประเทศไทยหลายๆ กรณี CIA ก็อยู่เบื้องหลัง เพราะฉะนั้นแล้ว นายไมค์ พอมเพโอ มีหน้าที่อย่างเดียว ก็คือทำลายฝ่ายตรงกันข้าม มีข้อมูลจริงหรือไม่จริง ก็ให้ทำลายมา แต่ถ้าท่านผู้ชมจะพิจารณาจากการวิวาทะระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนายโนัลด์ ทรัมป์ เป็นหัวหน้า เป็นการนำทีมมาวิวาทะ แล้วก็ตามด้วยนายไมค์ พอมเพโอ ตลอดจนกระทั่งวุฒิสมาชิก ตลอดจนสมาชิกสภาคองเกรสบางคนก็ออกมาเป็นตัวแทนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ แล้วก็ด่าว่าประเทศจีน
ประเทศจีนนั้นก็มีส่วนที่ตอบโต้อยู่ฝ่ายเดียว ฝ่ายแรกก็คือกระทรวงการต่างประเทศของประเทศจีน โดยที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศก็จะเป็นคนออกมาแถลงตอบโต้ หรือหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ ของรัฐบาลจีน ก็จะออกมาเขียนบทนำ บทความตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม แต่ท่านผู้ชมสังเกตอย่าง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ไม่เคยพูดเลยแม้แต่คำเดียว ท่านเก็บตัวเงียบ อาจจะเป็นเพราะท่านเห็นว่ามันไม่มีคุณค่าอะไรที่จะต้องไปตอบโต้กับพวกนี้ แต่เรื่องราวมันชักจะรุนแรงกันมากขึ้นๆ แต่ก่อนที่ผมจะเล่าให้ฟังว่าอะไรมันจะเกิดขึ้นในอนาคต ผมอยากจะเล่าพื้นฐานของความขัดแย้งให้ฟังนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมต้องเข้าใจในความขัดแย้งในเรื่องบางเรื่อง และในการอธิบายความในครั้งนี้ หลายๆ ครั้งท่านผู้ชมที่เคยฟังผมมาแล้ว และเข้าใจเหตุการณ์ดี หรือท่านผู้ชมที่เข้าใจ ศึกษาในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ ท่านต้องอดทนนิดหนึ่ง เพราะว่าผมอาจจะต้องพักสักครู่หนึ่ง แล้วผมต้องอธิบายเรื่องบางเรื่องให้กับท่านผู้ชมที่้ไม่เข้าใจ ศัพท์ อย่างเช่น คำว่าห่วงโซ่อุปทาน หรือที่เขาเรียกว่า supply chain มันแปลว่าอะไร บางทีท่านฟังว่า คุณสนธิพูดคำว่าห่วงโซ่อุปทาน ฉันก็ฟังไปว่าห่วงโซ่อุปทาน แต่ผมอยากให้ท่านผู้ชมที่ชมรายการผม ไม่ว่าจะมีการศึกษาแค่ไหนก็ตาม ฟังผมแล้วเข้าใจทุกคำพูดที่ผมพูด ท่านผู้ชมครับ จีนนั้นเป็นยุทธศาสตร์หลักที่อเมริกาตั้งเป้าเอาไว้ว่าเป็นศัตรูของอเมริกา คนที่อยู่เบื้องหลังนโยบายต่างประเทศของอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐบาลที่มีประธานาธิบดีบ้าๆ บอๆ อย่างนายทรัมป์ ก็จะถูกหน่วยงาน 2 หน่วยงานนี้ครอบงำ หน่วยงานแรกก็คือ เพนตากอน คือกระทรวงกลาโหมของอเมริกา หน่วยงานที่สอง คือ CIA (Central Intelligence Agency) อาจจะพ่วงหน่วยงานที่สามเข้ามา ก็คือ NSA (National Security Agency) ก็คือสภาความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา
สามหน่วยงานนี้ โดยหลักๆ มีหน้าที่อย่างเดียวก็คือ ทำอย่างไรที่จะต้องรักษาความมั่นคงของประเทศสหรัฐอเมริกาให้อยู่ยั่งยืนตลอดไป ถ้าประเทศใดเกิดขึ้นมาแล้วเริ่มเป็นภัยต่อความมั่นคงของอเมริกา คนพวกนี้จะมาสุมหัวกัน ศึกษาข้อมูล ค้นคว้า แล้วก็คาดการณ์ในอนาคตว่าต่อไปถ้าประเทศสหรัฐอเมริกาปล่อยให้เป็นอย่างนี้ อะไรมันจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นแล้วประเทศสหรัฐอเมริกาต้องมาเตรียมตัว 1 เตรียมตัว 2 เตรียมตัว 3 เตรียมตัว 4 อุปมาอุปไมยเหมือนครั้งหนึ่งรัสเซียเป็นภัยต่อสหรัฐอเมริกาอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้ว นโยบายของทหาร และนโยบายของหน่วยสืบราชการลับ CIA ทั้งเพนตากอน ทั้ง CIA ก็มุ่งไปที่ยุโรป โดยจะใช้ยุโรปเป็นตัวคาน เป็นตัวยันประเทศรัสเซียเอาไว้ ไม่ว่าจะโดยการผ่านองค์การนาโต หรือไม่ว่าจะไปมีอิทธิพลเหนือประเทศเยอรมนี ประเทศฝรั่งเศส ให้ออกมาผลักดันและประณามรัสเซีย ถึงขั้นต้องบอยคอตรัสเซีย กีดกันเรื่องการค้า ในกรณีที่รัสเซียเข้าไปยึดแหลมไครเมียจากประเทศยูเครนออกมา แล้วผนวกเข้ามาในประเทศรัสเซีย ก็เลยทำให้ประเทศรัสเซียกลายเป็นหมาหัวเน่าในสายตาของชาวโลก ซึ่งทั้่งหมดนี้จะทำในหลายทิศทาง ทิศทางหนึ่งเป็นนโยบายโดยตรง นโยบายต่างประเทศที่ประธานาธิบดีจะเป็นคนออกไป ไปพูดคุยกับผู้นำประเทศต่างๆ อีกทางหนึ่งก็คือนโยบายทางการทหาร เพนตากอน กระทรวงกลาโหม ก็จะคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพของอังกฤษ ผู้บัญชาการเหล่าทัพของนาโต ผู้บัญชาการเหล่าทัพของฝรั่งเศส พยายามครอบงำหรือเชื้อชวน หรือชักจูงให้เห็นด้วยกับเขา สุดท้ายก็คือ ขบวนการไอโอ (IO : Information Operation) ไอโอของสหรัฐอเมริกานั้น มาหลายรูปหลายแบบ บางรูปบางแบบมาในลักษณะของการที่ใช้นักข่าวของสำนักข่าวต่างๆ ที่ตัวเองมีความใกล้ชิดผูกพัน อย่างเช่นซีเอ็นเอ็น ฟอกซ์นิวส์นี่แน่นอนที่สุด เพราะฟอกซ์นิวส์ยืนอยู่ทางฝ่ายอนุรักษ์นิยม ยืนอยู่ฝ่ายประธานาธิบดีทรัมป์
สมัยที่บารัก โอบามา เป็นประธานาธิบดีนั้น ฟอกซ์นิวส์ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไร มีบทบาทอยู่อย่างเดียว พยายามดิสเครดิตโอบามา ทีนี้ ถ้าสหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีที่ค่อนข้างจะมีการศึกษาพอสมควร มีสติปัญญา เห็นโลกกว้าง อย่างเช่น บิล คลินตัน หรืออย่างเช่นบารัก โอบามา หลายๆ คน หรือแม้กระทั่งจอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็ตาม ถึงแม้จะเป็นสายเหยี่ยว หรือสายอนุรักษ์นิยม คนอเมริกาพวกนี้ ประธานาธิบดีพวกนี้จะไม่เชื่อข้อมูลของ CIA และจะไม่เชื่อข้อมูลของเพนตากอนเหมือนอย่างที่นายทรัมป์เชื่อ เพราะว่านายทรัมป์นี่เป็นอดีตนักธุรกิจ เป็นคนขี้คุยโว ขี้โม้ เป็นคนที่โกหกเป็นอาจิณ และเป็นคนที่สับปลับที่สุด ตอนนี้นายทรัมป์เป็นประธานาธิบดีที่สับปลับที่สุด โกหกเก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีอเมริกา ผมต้องขอโทษติ่งอเมริกาด้วยนะครับ ผมไม่ใช่เป็นติ่งจีน จีนก็มีข้อบกพร่องของจีนเยอะ แต่ผมพยายามทำตัวเป็นผู้เฒ่าเล่าเรื่อง ผมเป็นติ่งประเทศไทย แต่ในเมื่อข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนี้ ผมก็ต้องฟันธงไปตามข้อเท็จจริงออกมา และผมพูดแต่ละเรื่อง ล้วนแล้วแต่มีเหตุการณ์ที่จะมาสนับสนุน backup คำพูดของผม กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา และ CIA และสภาความมั่นคง เขาจะมีการทำการวิจัย เขาจะมีการร่าง paper เหมือนคล้ายๆ เป็นรัฐธรรมนูญของเขาว่า ใน 10 ปี 20 ปีข้างหน้า โลกจะเป็นอย่างไรบ้าง เขาจะพิจารณาจากเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นมา เขาจะพิจารณาจากภาวะการณ์ทางสังคม เขาจะพิจารณาทางสาธารณสุข เขาจะพิจารณาทางการเมืองของประเทศต่างๆ กลุ่มประเทศต่างๆ ทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น เพราะอเมริกาโดยพื้นฐานเป็นประเทศที่ชอบรุกรานชาวบ้านเขา อเมริกา ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นหลักฐาน พวกติ่งอเมริกาไม่ต้องเถียงผม อเมริกามีฐานทัพอยู่ในโลกนี้ 800 แห่ง ฐานทัพเล็ก ฐานทัพกลาง ฐานทัพใหญ่ เล็กๆ ที่อยู่ในประเทศเล็กๆ เอเชียกลางก็มี ถ้ากลางหน่อยก็อาจจะมาอยู่ในตะวันออกกลาง ต้องถือว่ากลาง อย่างเช่น มีฐานทัพอากาศอยู่ที่บาห์เรน มีฐานทัพทหารบกบางส่วนอยู่ที่อิรัก ถ้าใหญ่ ก็อยู่ในเอเชียแปซิฟิก หรืออยู่ในยุโรป ยุโรปก็คือฐานทัพที่อยู่ที่เยอรมนี เอเชียแปซิฟิก ก็อยู่ที่เกาะกวม และเกาะโอกินาวาของญี่ปุ่น
สมัยก่อนที่เป็นสงครามเวียดนาม อู่ตะเภาเราก็เป็นฐานทัพของเครื่องบิน B52 ที่ประเทศไทยอนุญาตให้คนอเมริกันเอาเครื่องทิ้งระเบิด B52 มาจอด แล้วใช้สัตหีบเป็นฐานที่จะบินเข้าไปถล่มและฆ่าคนเวียดนาม โดยที่เราไม่ได้ไปรบอะไรกับเขาเลย เพียงแต่อเมริกาบอกว่าถ้าคอมมิวนิสต์ยึดเวียดนามได้ ในที่สุดแล้วเขมรก็ต้องล่มสลาย เมื่อเขมรล่มสลายก็ต้องมาที่ไทยล่มสลาย เพราะฉะนั้นแล้วคุณต้องช่วยผมกำจัดเวียดนามให้ได้ ทีนี้ ความผูกพันระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มันก็ผูกพันกันมาตั้งนมตั้งนาน เอาล่ะ ท่านผู้ชม รัฐธรรมนูญ หรือที่เรียกธรรมนูญการป้องกันตนเองของอเมริกานั้นก็ต้องการที่จะรักษาสถานภาพการเป็นเจ้าโลกเอาไว้ เพราะฉะนั้นแล้ว ใครก็ตามที่จะเจริญเติบโตและมาท้าทายอำนาจของอเมริกา อเมริกาจะไม่ยอม จะไม่ยอมเด็ดขาด นั่นคือเหตุผลว่าทำไมในช่วงการปฏิวัติที่ประเทศจีนที่ประธานเหมา เจ๋อตุง ปฏิวัติ แล้วก็ขับไล่ญี่ปุ่นออก
ในที่สุดแล้วอเมริกาก็อยู่เบื้องหลังในการหนุนหลังให้จอมพลเจียง ไคเชก ขนพวกก๊กมินตั๋งย้ายจากจีนแผ่นดินใหญ่ไปอยู่ที่เกาะไต้หวัน โดยที่ต้องการจะเพาะเลี้ยงไต้หวันเอาไว้ เพื่อให้ไต้หวันเป็นหอกคอยทิ่มแทงประเทศจีนไว้ตลอดเวลา ประเทศจีนตอนที่ประธานเหมา เจ๋อตุง ปฏิวัติเสร็จใหม่ๆ ก็เป็นประเทศที่อ่อนแอ ยังไม่พร้อม เพราะประเทศจีนต้องการที่จะแก้ไขปัญหาภายในประเทศจีนที่มันเน่าเฟะมานมนาน จนกระทั่งพรรคคอมมิวนิสต์นั้นได้ชัยชนะในการช่วงชิงอำนาจทางการเมืองและปกครองประเทศจีนในที่สุด ทีนี้ ในช่วงแรกๆ ที่ประเทศจีนเจริญเติบโตมากระทั่งถึงยุคเติ้ง เสี่ยวผิง ซึ่งเป็นผู้นำประเทศจีนต่อจากท่านประธานเหมา เจ๋อตุง ในช่วงนั้นประเทศจีนอ่อนแอ ประเทศจีนจน ประเทศจีนไม่มีเงิน ประเทศจีนไม่มีเทคโนโลยี คนจีนยังอดข้าวตาย ยังมีความยากจนอยู่มากมายมหาศาล จนกระทั่งมาถึงยุคเติ้ง เสี่ยวผิง
เป็นยุคที่เติ้ง เสี่ยวผิง ประกาศเปิดประเทศ เมื่อเติ้ง เสี่ยวผิง ประกาศเปิดประเทศแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทางสหรัฐอเมริกาเห็นว่าจีนประกาศเปิดประเทศ จีนมีประชากรตั้งเกือบ 1,000 ล้านคน ยุคนั้นประชากรประมาณ 1,100 ล้านคน เพิ่งจะมา 1,400 ล้านคน เมื่อสิบปีที่แล้วนี่เอง ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่มองประเทศจีนเป็นตลาด นี่คือความงก ความเห็นแก่ได้ของระบบทุนนิยมของอเมริกา เขาไม่ได้สนใจหรอกประเทศจีนเป็นคอมมิวนิสต์ ตราบใดที่ยังค้าขายกับเขาได้ และสามารถให้เขาทำกำไรได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ประเทศจีนเปิดขึ้นมาก็เลยมีนักลงทุนต่างๆ ที่เข้าไปๆๆ ทีนี้ สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นก็คือว่า ประเทศจีนเริ่มพัฒนาตัวเองมากขึ้นๆๆ จนกระทั่งประเทศจีนกลายเป็นโรงงานโลก เขาเรียกว่า World Factory หมายความว่า หลายๆ อย่างในโลกนี้ผลิตที่ประเทศจีนได้หมดเลย ไม่ต้องไปผลิตที่อื่น เพราะประเทศจีนตอนนั้นค่าแรงราคาถูก สมัยเติ้ง เสี่ยวผิง ราคายังถูกอยู่ สมัยเจียง เจ๋อหมิน ราคายังถูกอยู่ สมัยจู หรงจี เป็นนายกรัฐมนตรี ราคาก็ยังถูกอยู่ มาสมัยเหวิน เจียเป่า ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในยุคของประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ราคาก็เริ่มจะแพงขึ้นแล้ว เพราะว่าจีนเริ่มพัฒนาขึ้น แรงงานก็เริ่มมากขึ้น ไอโฟน บริษัท แอปเปิล ก็ไปจ้างบริษัท ฟ็อกซ์คอนน์ ฟ็อกซ์คอนน์เป็นบริษัทไต้หวัน ไต้หวันเอง ในทางการเมืองไม่ถูกกับจีน ไม่ยอมรวมกับจีน แต่ในทางธุรกิจแล้ว นักธุรกิจชาวไต้หวันก็ต้องการไปทำงานที่ประเทศจีน เพราะว่าค่าแรงจีนถูก ฟ็อกซ์คอนน์ก็เลยไปตั้งโรงงานเต็มไปหมดเลย ตั้งที่เสฉวนบ้าง ตั้งที่เมืองโน้น มณฑลนี้ ฟ็อกซ์คอนน์มีคนทำงานหลายแสนคน อาจจะถึงล้านคนเสียด้วยซ้ำ หรือสรุปพูดง่ายๆ ว่า ไอโฟนเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ ผลิตที่โรงงานที่ประเทศจีน เพิ่งจะมีช่วงหลังที่ไอโฟนเริ่ม shift หรือย้ายฐานการผลิตไปที่ประเทศอินเดียเป็นบางส่วน แต่หลักๆ แล้วประเทศจีน ท่านผู้ชมตามผมมานะครับ เมื่อประเทศจีนพัฒนามาสู่จุดๆ หนึ่ง ประเทศจีนก็เน้นการส่งออก ฉะนั้นของที่ผลิตออกราคาถูก ตั้งแต่รองเท้าแตะ ไปจนถึงผ้าก๊อซ ไปจนถึงแอลกอฮอล์ ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไปจนถึงโน่นนี่นั่น ทุกอย่าง อาหารการกิน เฟอร์นิเจอร์ ของที่ขายในร้านสะดวกซื้อร้านใหญ่ที่เป็น whole sale ที่อเมริกา ที่ทุกคนรู้จักที่เคยไปอเมริกา Cosco Cosco นี่เดินเข้าไปเลย จอ LCD เป็นของจีน จอ LED เป็นของจีน เฟอร์นิเจอร์ดูสวยจังเลย ทำไมราคาถูกนัก อ๋อ Made in China จีนก็เลยได้เงินได้ทองพวกนี้โกยเข้ามา โกยเข้ามาเรื่อยๆ โกยเข้ามาเรื่อยๆ แต่ผู้นำจีนเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงยุคแรกเริ่มของสี จิ้นผิง ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วว่าประเทศจีนเขามีอยู่ 3-4 ระดับ ระดับแรก เหมา เจ๋อตุง เข้ามา คือขับไล่ผู้ที่ยึดครองประเทศจีนออก ขับไล่ญี่ปุ่นไป ขับไล่ก๊กมินตั๋ง คือเจียง ไคเช็ก ไต้หวันออกไป แล้วก็ช่วยเหลือประชาชนจีน ยุคแรกของเหมา เจ๋อตุง ก็คือว่า สร้างความสามัคคีในประเทศจีน เมื่อสร้างความสามัคคีในประเทศจีนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ให้คนจีนมีข้าวกิน แล้วจีนต้องช่วยตัวเอง แต่ข้อผิดพลาดของเหมา เจ๋อตุง ก็มีหลายขั้น ในหลายนโยบาย เช่น The Great Leap Forward หรือการก้าวกระโดดไกล
ทำให้คนจีนอดอาหาร ขาดทุกอย่าง ตายกันเป็นสิบๆ ล้านคน เหมา เจ๋อตุง คิดง่ายๆ ว่าถ้าประเทศจีน ถ้าหมู่บ้านๆ หนึ่งถลุงเหล็กได้ ประเทศจีนก็จะมีเหล็กเกิดขึ้นมาเยอะแยะไปหมด แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะมันต้องประกอบด้วยเทคโนโลยี มันต้องประกอบด้วยวิธีความรู้ที่จะทำเช่นนั้น เอาล่ะ พอหมดเหมา เจ๋อตุง ไปแล้ว ก็มาถึงยุคเติ้ง เสี่ยวผิง เติ้่ง เสี่้ยวผิง เห็นแล้วว่าประเทศจีนถ้ายังปิดประเทศอยู่ จะอยู่ไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เติ้ง เสี่ยวผิง ก็เลยคิดวิธีที่จะเปิดประเทศ นั่นคือที่มาของการก่อร่างสร้างเนื้อสร้างตัวของเมืองที่ชื่อว่า เซินเจิ้น
เพราะเซินเจิ้นสมัยก่อนนั้นเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่จน แต่เผอิญอยู่ติดฮ่องกง แล้วเติ้่ง เสี่ยวผิง ก็คำนวณไว้ล่วงหน้าแล้ว ก่อนปี 1997 หรือ 2540 เป็นปีที่อังกฤษจะต้องคืนเกาะฮ่องกงให้กับประเทศจีน ในปี 1997 และอีกประการหนึ่ง เซินเจิ้น ที่ต้องตั้งติดกับเกาะฮ่องกง ก็เพราะว่าประเทศจีนตอนนั้นยังไม่สามารถที่จะเปิดประเทศได้เต็มที่ และทะลุทะลวงไปสู่ต่างประเทศ ก็เลยต้องใช้ฮ่องกงเป็นประตู เป็นหน้าต่าง ก็คือพูดง่ายๆ จากจีนจะผ่านเซินเจิ้น จากเซินเจิ้น เข้าฮ่องกงอีกทีหนึ่ง
เอาล่ะ เขตเศรษฐกิจพิเศษเซินเจิ้นก็เจริญรุ่งเรืองเติบโตไปในที่สุด อุตสาหกรรมต่างๆ ญี่ปุ่นก็มาลงในจีน ไต้หวันก็ลงทุนในจีน อเมริกาก็ลงทุนในจีน ยุโรปก็ลงทุนในจีน ทุกอย่างลงทุนในจีนหมด ด้วยเหตุนี้ ในระยะเวลาเกือบ 20 ปี จีดีพีจีนถึงโตทีละ 12 เปอร์เซ็นต์ โตจนกระทั่งเศรษฐกิจจีนอยู่อันดับ 3 ของโลก ก็คือรองมาจากญี่ปุ่น อเมริกา ญี่ปุ่น แล้วก็จีน ทีนี้ สี จิ้นผิง เป็นประธานาธิบดีที่มีวิสัยทัศน์ที่ไกล เขามองว่าประเทศจีนจะต้องเหมือนจักรวรรดิราชวงศ์หมิง ผมเคยทำเรื่องหย่งเล่อฮ่องเต้ ถ้าท่านผู้ชมจำได้ ถ้าจำไม่ได้กลับไปย้อนฟังดูก็แล้วกัน หย่งเล่อฮ่องเต้ในราชวงศ์หมิงนั้น เป็นจักรพรรดิจีนที่นำความยิ่งใหญ่ของจีนออกไปสู่ทั่วโลกโดยผ่านกองทัพเรือ ที่นำโดยแม่ทัพเรือที่ชื่อ เจิ้ง เหอ กองทัพเรือของจีนนั้น เรือใหญ่ๆ ของจีน เรือเดินสมุทรของจีน เมื่อไปเทียบกับเรือของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่แล่นออกมาสำรวจโลกภายนอก จากประเทศสเปนนนั้น คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เหมือนหนูตัวหนึ่งยืนอยู่ข้างๆ วัวตัวหนึ่ง วัวตัวนั้นก็คือเรือของจีน ซึ่งใหญ่มาก มหึมามโหฬาร และประเทศจีน เทคนิคในการสร้างเรือนั้นล้ำสมัยกว่าทุกๆ ประเทศในโลก หรือเป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะประเทศจีนนั้นสร้างเรือโดยมีกระดูกงู ประเทศอื่นสร้างเรือไม่มีกระดูกงูเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นเรือของประเทศจีนจึงมั่นคง แข็งแรง และต่อสู้กับคลื่นลมในทะเลได้อย่างเต็มที่ นัยตรงนี้ก็เลยทำให้สี จิ้นผิง มองว่าประเทศจีนถ้าไม่มีกองทัพเรือ ประเทศจีนก็ไปไม่รอด เพราะจีนมีผลประโยชน์มาก และในช่วงที่จีนกำลังเจริญเติบโตนั้น สิ่งที่จีนต้องการมากที่สุดคือพลังงาน นั่นคือน้ำมัน เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าสมมุติเขามองในแง่ยุทธศาสตร์ว่า ถ้าสมมุติว่าใครก็ตามเกลียดจีน อย่างเช่นประเทศอเมริกาเกลียดจีน เขาบล็อกช่องทางที่จะส่งน้ำมันมาให้ อย่างเช่น ข้อแรก ช่องแคบมะละกา ที่เรือจากฝ่ายอันดามันจะส่งมา อันที่สอง ก็คือทางด้านตะวันออกกลาง ซึ่งจะต้องข้ามเข้ามา ถ้าบล็อกทั้งสองทาง และทะเลจีนตอนใต้ จีนก็ไม่มีน้ำมัน ด้วยเหตุนี้จีนก็ค่อยๆ สร้างกองทัพเรือมาทีละนิดๆๆ และเพิ่มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในที่สุดจีนก็เลยมีเรือบรรทุกเครื่องบินขึ้นมา ชื่อ เหลียวหนิง (LIAONING)
เรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง เป็นเรือบรรทุกเครื่องบิน second hand มือสองของรัสเซีย ที่จีนซื้อมาจากยูเครน แล้วเอามาพัฒนาปรับปรุงใหม่ จนกระทั่งในที่สุดแล้วจีนก็เลยมีเทคโนโลยีทางด้านการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบิน และจีนก็เลยไปสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองออกมา และก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วมีแนวโน้มที่จะสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินอีกประมาณ 5 หรือ 6 ลำ ใน 10 ปีข้างหน้า ก็เท่ากับว่าจีนตอนนี้ก็มีพลานุภาพทางด้านทางทะเลที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ในขณะเดียวกัน ทางด้านอาวุธ จีนก็พัฒนาอาวุธของจีนขึ้นมา จีนซื้ออาวุธจากรัสเซียมา รัสเซียถูกอเมริกาบอยคอต รัสเซียอยู่โดดเดี่ยว จีนเคยเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนรัสเซีย ก็เลยจับมือกัน ซื้อเทคโนโลยีของรัสเซียมา ซื้อเทคโนโลยีของเครื่องบินซู (SU) ของรัสเซีย แล้วเอามาต่อยอด แล้วผลิตเครื่องบินของจีนเองโดยที่ใช้ชื่อว่า 'J' J-10, J-11, J-12, J-13, J-14
แล้วเครื่องบิน J ของจีนนั้นก็เปรียบกับมิก (MIG) หรือเปรียบกับ F ของอเมริกาได้ทุกรุ่น อเมริกามี F-35 ล่าสุดออกมา รัสเซียก็มีเครื่องบินของตัวเองขึ้นมา ซึ่งเหนือกว่า F-35 จีนก็ผลิตเครื่องบินขึ้นมาซึ่งสู้กับ F-35 ได้ ก็คือว่า อเมริกาคุณมีอะไร ฉันก็มีอย่างนั้น อาวุธเหมือนกัน ขีปนาวุธต่างฝ่ายต่างต้องมี อเมริกามี จีนก็มี
ที่สำคัญคือ จีนได้สร้างขีปนาวุธ นอกจากในเชิงรุกแล้ว ยังจะมีเชิงรับด้วย เชิงรุกก็คือ จีนมีขีปนาวุธทางไกล ที่เขาเรียกว่า ICBM (Intercontinental ballistic missile) ก็คือสามารถจะยิงจากจีนข้ามทวีปไปตกอเมริกาได้อย่างแน่นอนที่สุด อันนี้คือเชิงรุกของเขา แต่เชิงรับเขาก็มี เนื่องจากเขารู้ว่า ถ้าเขาจะมีสงครามกับอเมริกา อเมริกาจำเป็นต้องพึ่งกองเรือ ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังแล้วว่าอเมริกามีกองเรือที่ 1 กองเรือที่ 2 กองเรือที่ 3 กองเรือที่ 4 กองเรือที่ 5 กองเรือที่ 5 ก็อยู่ทางตะวันออกกลาง กองเรือที่ 7 อยู่ที่เอเชียแปซิฟิก ฐานทัพของกองเรือที่ 7 อยู่ที่เกาะกวม และโอกินาวา เพราะฉะนั้นแล้ว ตามชายฝั่งของจีนก็จะมีขีปนาวุธต่อต้านกองเรือ ขีปนาวุธที่จีนมีความภูมิใจมากที่สุดก็คือ จรวดที่ชื่อว่า ตงเฟิง จรวดตัวนี้เป็นจรวดที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีกองเรือโดยเฉพาะ นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้อเมริกากล้าๆ และกลัวๆ ประเทศจีน นี่ผมพูดถึงเรื่องอาวุธแล้วนะ พอเข้ามาสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์ จีนก็ทุ่มเทอุตสาหกรรมหลายอย่าง ทุ่มเทเงินลงไป หัวเว่ยสมัยก่อนนั้น กับ ZTE เป็นบริษัทที่อยู่ในกองทัพปลดแอกประชาชนชาวจีน แต่ตอนหลังเขาก็ปล่อยออกมาให้เอกชนเข้ามาซื้อหุ้นอยู่ แต่รัฐบาลก็ยังมีสิทธิสั่งได้ อเมริกาก็มองว่าหัวเว่ยก็เป็นของรัฐบาลจีน แต่ว่าหัวเว่ยตอนนี้เป็นเอกชนสัก 80 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลจีนถือหุ้นอยู่ 20 เปอร์เซ็นต์ หัวเว่ยก็เลยพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านโทรคมนาคม จนกระทั่งกลายเป็นเจ้าโลกแห่งการโทรคมนาคม สังเกตได้จากเทคโนโลยีทางด้าน 5G ซึ่งหัวเว่ยมีอยู่คนเดียวตอนนี้ ประเทศอื่นยังไม่มี หรือกำลังมีแต่ยังตกลงกันไม่ได้ และหัวเว่ยก็เริ่มออกไปติดตั้งงานพวกนี้แล้ว
ท่านผู้ชมครับ แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีเศรษฐกิจจีนก็กระโดดจากอันดับ 3 ของโลก กลายเป็นอันดับ 2 ไล่ญี่ปุ่นลงไปเลย นี่คือเศรษฐกิจจีน อันดับ 2 แต่ว่านักเศรษฐศาสตร์ที่เขากำลังพิจารณาเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหลักเศรษฐศาสตร์ เขาบอกว่า ถึงเศรษฐกิจอเมริกาจะอยู่อันดับแรก แต่ถ้าพิจารณาถึงกำลังซื้อ กำลังจับจ่ายใช้สอยแล้ว เศรษฐกิจจีนกลับแซงเศรษฐกิจอเมริกาไปแล้ว เป็นอันดับ 1 อเมริกากลับอยู่อันดับ 2 ข้อมูลพวกนี้ไม่ใช่ข้อมูลที่เป็นความลับ ทุกคนรู้กันหมดว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมมันจะต้องเป็นอย่างนี้ๆๆๆ ด้วยเหตุนี้ เพนตากอน และ CIA ก็มองว่า ในที่สุดแล้วการเผชิญหน้าในโลกนี้จะเป็นอเมริกากับจีน แล้วก็อเมริกากับรัสเซีย อเมริกาก็มีคู่หูอยู่คนหนึ่ง ก็คือออสเตรเลีย และอเมริกาจะมีคู่หูอีกคนหนึ่ง ก็คืออังกฤษ และอเมริกามีลูกน้องที่รับใช้ใกล้ชิดสนิทสนมก็คือ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เพราะฉะนั้นแล้วในเอเชียแปซิฟิกจะมีญี่ปุ่น มีสิงคโปร์ และอีกอันหนึ่งคือเวียดนาม เพราะเวียดนามกับจีนไม่ถูกกัน เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าภูมิรัฐศาสตร์มันจะเป็นเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้้ paper ของเพนตากอน กับ paper ของ CIA ก็จะระบุชัดว่าจะต้องชะลอการเจริญเติบโตของจีนทุกรูปแบบ จะต้องกระตุกขาหลังของจีน อเมริกาในยุคก่อนที่จะมีคนบ้ามาบริหารประเทศ สมัยก่อนประธานาธิบดีของอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นจอร์จ ดับเบิลยู บุช ไม่ว่าจะเป็นบิล คลินตัน ไม่ว่าจะเป็นบารัก โอบามา ต่างเห็น paper นี้มาหมดแล้ว แต่เผอิญในช่วง 1990 ช่วงนั้น 3 ปี จอร์จ ดับเบิลยู บุช 4 ปี กำลังวุ่นวายกับการสร้างสงครามอ่าว (Gulf War)
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพ่อที่โจมตีอิรัก แล้วก็ไล่อิรักกลับไปอยู่สู่ประเทศอิรัก ให้ถอนทหารออกจากคูเวต ที่เขาเรียกว่า Gulf War แล้วต่อมาเป็นช่วงของลูกชาย คือ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็คือเป็นคนซึ่งเจอเหตุการณ์ 9/11 วันที่ 11 กันยายน ที่เครื่องบินของอุซามะห์ บิน ลาดิน อัลกออิดะห์ ชนเวิลด์เทรด จอร์จ ดับเบิลยู บุช ก็เลยหาเหตุเรื่องนี้ไปบุกยึดอัฟกานิสถาน และไปบุกอิรัก โดยอ้างว่าอิรักนั้นมีอาวุธที่ร้ายแรง ที่มีความสามารถทำลายร้ายแรงซ่อนอยู่ สรุปง่ายๆ ก็คือ ไปยึดบ่อน้ำมัน
เพราะฉะนั้นแล้ว ในช่วง 4-5 ปี ที่จอร์จ ดับเบิลยู บุช อยู่นั้น เป็นช่วงที่เขากำลังวุ่นวายกับอิรัก เขากำลังวุ่นวายกับอัฟกานิสถาน เขาไม่ได้มีเวลามาสนใจจีน จีนก็เลยใช้เวลาช่วงนั้นเติบโต 4-5 ปีนั้น โตเร็วมาก พอมาถึงช่วงบิล คลินตัน เศรษฐกิจจีนเริ่มแข็งแกร่ง การเงินการทองจีนเริ่มแข็งแกร่ง เพราะจีนส่งออก ได้เงินเป็นดอลลาร์เข้ามา จีนเอาเงินนี้ไปซื้อพันธบัตรของอเมริกา ที่เขาเรียกว่า US Treasury Bond (T-Bond) T คือ Treasury คือการคลัง Bond คือพันธบัตร ซื้อมา ว่ากันว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งจีนถือพันธบัตรของอเมริกาถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ บิล คลินตัน เห็น บารัก โอบามา เห็น บิล คลินตัน ก็คิดว่าวิธีหนึ่งที่จะเข้ามาแล้วก็สูบผลประโยชน์จากจีน ก็คือใช้นโยบายทางการเงิน ใช้หลักการทางการเงิน ใช้ IMF ใช้ World Bank แล้วใช้ความแข็งแกร่งของอเมริกา คือเรื่องการเงิน การเทกโอเวอร์ และนั่นก็คือที่มาของต้มยำกุ้ง ปี 2540
ปี 2540 ประเทศทางเอเชีย ยกเว้นจีน และญี่ปุ่น โดนเรื่องต้มยำกุ้งหมดเลย จีนตอนนั้นก็พยายามที่จะช่วย จีนพยายามจะช่วยประเทศไทย นี่คือเบื้องหลัง ท่านผู้ชม จีนติดต่อมาทาง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ให้ส่งตัวแทนไป แล้ว พล.อ.ชวลิต ก็ให้พาคุณชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ หรือเป็นผู้ว่าฯ ผมจำไม่ได้ แต่เป็นตัวแทนแบงก์ชาติไป จีนเขาถามว่า ผมพร้อมจะช่วยคุณ ผมยินดีที่จะเอาเงินสนับสนุนคุณ ให้คุณยืมเป็นก้อนไป โดยที่คุณไม่ต้องเข้า IMF เพราะถ้าคุณเข้า IMF แล้ว คุณจะมีเงื่อนไขหลายอย่าง อย่างเช่น คุณต้องปิดสถาบันการเงินทั้งหมด คุณต้องปล่อยให้บริษัทล้มละลาย IMF จะเข้ามา แล้วคุณต้องอนุญาตให้ต่างชาติ นั่นคือ trick ของพวกอเมริกา คือบิล คลินตัน ต้องการให้สถาบันการเงินในประเทศล้มละลาย แล้วก็ให้ IMF เข้ามาช่วย สร้างเงื่อนไขเพื่อให้บริษัท Merchant Banker หรือพวกที่ผมเรียกว่าอีแร้ง ที่เข้ามาแล้วก็มาเทกโอเวอร์ มาซื้อกิจการ มาซื้อหนี้ซื้อสิน และนั่นคือที่เกิดของ ปรส. ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ท่านผู้ชมหลายท่านจะเข้าใจ หลายท่านยังโดนพิษของ ปรส. จนกระทั่งวันนี้ยังไม่ฟื้น นั่นก็คือเป็นฝีมือของอเมริกาที่วางแผนเอาไว้ ทีนี้ จีนไม่โดน เมื่อจีนไม่โดนแล้ว จีนก็พร้อมจะช่วย ในฐานะที่ พล.อ.ชวลิต ตอนนั้นก็สนิทสนมกับฝ่ายจีนอย่างมากมาย เพราะ พล.อ.ชวลิต สนิทสนมกับฝ่ายจีนตั้งแต่สมัยเติ้ง เสี่ยวผิง ที่ตอนนั้นเวียดนามกำลังจะรุกมาทางเขมร แล้วไทยกำลังยันอยู่กับเขมรตอนนั้น และเวียดนามส่งกองพลรถถังเข้ามาประชิดพรมแดนไทยทางเขมรแล้ว ไทยสู้ไม่ได้ วิธีการไทยก็คือว่า ให้ไปเจรจากับเติ้ง เสี่ยวผิง เติ้ง เสี่ยวผิง ก็เลยช่วยประเทศไทยโดยสร้างสงครามสั่งสอน
สงครามสั่งสอนคือ ให้กองทัพปลดแอกจีนยิงถล่ม คือจีนกับเวียดนามมีความขัดแย้งทางพรมแดนอยู่แล้ว ทุกประเทศมันมีความขัดแย้งทางพรมแดนหมด แต่จีนกับเวียดนามงวดนี้ จีนลงมือ ยิงปืนใหญ่เข้าไปทางกว่างสี พอยิงเข้ามาแล้ว ระดมคนเป็นแสนเลย ทหารเป็นแสนเลย เวียดนามก็ตกใจ ก็ต้องเรียกรถถังที่กำลังประชิดพรมแดนไทย กลับไปทางเวียดนามหมดเลย เพื่อไปยันจีน นี่คือเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์ ที่ประวัติศาสตร์ไม่ได้เขียน แต่ท่านผู้ชมควรจะรับรู้เอาไว้ ว่าทำไมผมถึงคิดว่าอย่างน้อยจีนก็ดีกว่าอเมริกา ผมไม่ใช่ติ่งจีน แต่อย่างน้อยที่สุดในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน เขาช่วย เอาล่ะ ด้วยเหตุนี้ เมื่อไทยเกิดภาวะการณ์จะล่มสลายทางการเงิน เราต้องการเงินดอลลาร์ก้อนหนึ่ง จีนตอนนั้นมีเงินฝากอยู่ในอเมริกาเยอะเลย ฝากในลักษณะเป็น T-Bond ก็ไปพบผู้นำจีนในขณะนั้น ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นช่วงเจียง เจ๋อหมิน และเติ้ง เสี่ยวผิง ก็รู้สึกจะเสียชีวิตไปแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงของเจียง เจ๋อหมิน จีนเขายินดีจะช่วยเพราะเขารู้ว่าไทยกับจีนสนิทกันมาก ในการประชุม นี่คือวงใน ผมไม่เคยเอาเรื่องนี้มาเปิด จีนเขาถามว่า ถามจริงๆ จะให้ผมช่วยคุณ ตอนนี้คุณมีเงินสำรองอยู่เท่าไร เงินทุนสำรอง เงินดอลลาร์ เหลืออยู่เท่าไร ผมจะได้กะถูกว่าผมจะช่วยเท่าไร ตัวแทนไทยที่ไปพร้อมกับคุณชัยวัฒน์ หันไปมองหน้าคุณชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ คุณชัยวัฒน์ก็บอกว่า บอกไม่ได้ มันเป็นความลับของแบงก์ชาติ แต่ละคนที่ไปด้วยอยากจะผูกคอตายทันทีเลย เขาบอกว่า นี่เป็นช่วงวิกฤต คุณก็บอกเขาไปสิว่าคุณมีเงินเหลือในเก๊ะเท่าไร เขาจะได้คำนวณเงินที่เขาจะเอามาใส่เก๊ะคุณได้ แต่คุณชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ก็คือคุณชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ไม่ได้ต่างอะไรกับคุณดอน ปรมัตถ์วินัย เลยแม้แต่นิดเดียว คือเฮ้าเลี่ยนทั้งคู่ นี่เป็นความลับของประเทศ พูดไม่ได้ ปัดโธ่เอ๊ย ถ้าเป็นความลับของประเทศ จอร์จ โซรอส มันมาเล่นค่าเงินคุณเจ๊ง ความลับของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ จีนเขาก็เลยไม่ได้คำตอบว่าคุณมีเงินเหลืออยู่เท่าไร เขาก็เลยไม่ได้ช่วย นี่คือเบื้องหลังในบางส่วน แต่จะเห็นได้ว่า บิล คลินตัน กำลังใช้นโยบายทางการเงินเข้ามาครอบงำหลายอย่าง แล้วพอบิล คลินตัน ไป ก็กลายเป็นบารัก โอบามา ทั้งบิล คลินตัน และบารัก โอบามา เดโมแครต เขามีความเชื่อว่าความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีนนั้น ไม่ควรจะทะเลาะกัน แต่ควรจะ ... ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Engagement คุยกันด้วยกัน ร่วมกัน สมมุติว่าอเมริกาไม่พอใจที่จีนละเมิดลิขสิทธิ์โน่นนี่นั่น อเมริกาก็บอก เรื่องนี้ผมปล่อยไม่ได้นะ ถ้าคุณไม่มาคุยกับผม ไม่มาแก้ไข ผมจะต้องจัดการเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ และจีนกำลังพึ่งการส่งออกสู่อเมริกา
จีนก็เลยไปนั่งประชุมกับบารัก โอบามา กับบิล คลินตัน ประชุมกันไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ถามว่าจีนมีข้อบกพร่องไหม มี เพราะจีนเป็นคนที่ดื้อด้าน เวลาประชุมอยู่ก็รับปาก เดี๋ยวจะแก้อันนั้นให้ เดี๋ยวจะแก้อันนี้ให้ เพื่อผ่อนคลายความกดดันนั้นออกไป แต่พอกลับมาถึงประเทศจีน สิ่งที่รับปากเขา ก็ไม่ทำตามเขาเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือความดื้อด้านของจีน นี่ผมไม่ได้ติ่งจีน หรืออวยจีน จีนก็มีข้อเสีย แต่ว่าตำหนิจีนไม่ได้ เพราะจีนต้องเอาตัวรอด ไม่ยอมเสียพื้นที่ให้ตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ไปโกหกว่ายินดีเปิดพื้นที่ให้คนเข้ามาค้าขายได้ รับปาก เพื่อให้ผ่อนคลายความกดดัน เมื่อความกดดันมันผ่อนคลายไปแล้ว จีนก็แก้แบบทำนองไม่ได้แก้ เหมือนอย่างกรณีละเมิดลิขสิทธิ์ จีนก็หลับตาข้างหนึ่ง สมมุติว่ามีอยู่ 10,000 โรงงานที่ผลิตสินค้าที่ปลอมแปลงลิขสิทธิ์ จีนก็ปราบแค่ 100 โรงงาน ผมทำแล้วนะ แต่ก็ยังมีหลายโรงงานที่ผลิตสินค้าปลอมออกมา แล้วก็ส่งไปขาย สินค้าปลอมของจีนมีหมดทุกรูปแบบ สมัยนี้มีแม้กระทั่งข้าวปลอม มีแม้กระทั่งไข่ปลอม มีแม้กระทั่งเนื้อหมูปลอม มีหมดทุกอย่าง แต่ว่าบารัก โอบามา เขาเชื่อใน Engagement และผมเชื่อว่าเขาก็จะถึงจุดๆ หนึ่งเขาก็สามารถที่จะใช้ยาแรงกับจีนได้ โชคร้ายของโลก ก็คือพอบารัก โอบามา ไป ฮิลลารี คลินตัน ตอนนั้นจะขึ้นมาด้วยนโยบายที่ชัดเจน ฮิลลารี คลินตัน ต้องการที่จะฟาดรัสเซีย และต้องการที่จะบล็อกจีน แต่เขามีวิธีการของเขาที่จะทำ ไม่ใช่ทำแบบทรัมป์ แต่เผอิญฮิลลารี ไม่ได้รับเลือกตั้ง ก็เลยเป็นนายทรัมป์
พอนายทรัมป์ขึ้นมา ไอ้หมอนี่ไม่ใช่นักการเมือง เป็นคนสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ เป็นคนหลงตัวเอง เป็นคนเหยียดผิว เป็นคนที่ชนชาวโลกดูถูกเหยียดหยาม คนนินทา หมาดูถุกจริงๆ คือ โดนัลด์ ทรัมป์ พอนายทรัมป์ขึ้นมาปั๊บ ก็อวยกับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และ CIA ที่ทำ paper มาตลอดเวลาว่าจีนน่ากลัว จีนอันตรายนะ เพราะฉะนั้นเราต้องทำกับจีนอย่างนี้ เราต้องยันจีนอย่างนี้ เราต้องโน่นนี่นั่น นั่นคือที่มาของความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับสี จิ้นผิง ตั้งแต่เขาขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี ใน 4 ปีที่ผ่านมานี้่ มีแต่ความขัดแย้งตลอดเวลา
ทรัมป์นี่เนื่องจากการหาเสียง หาเสียงด้วยหลักนโยบาย 2 ข้อสั้นๆ America Great อเมริกาต้องยิ่งใหญ่ และอีกอันคือ America First คือทุกอย่างต้องอเมริกาก่อน เพราะฉะนั้นแล้ว นักธุรกิจ การค้าอเมริกาต้องมาก่อน ทรัมป์ถึงพยายามยกเลิกข้อตกลงเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขาย หรือเรื่องเกี่ยวกับองค์กรปลอดภาษี อย่างเช่น NAFTA ซึ่งมีเม็กซิโกเป็นสมาชิก ซึ่งมีแคนาดาเป็นสมาชิก ยกเลิกข้อตกลงหมดเลย แล้วก็มาร่างข้อตกลงใหม่ โดยนายทรัมป์อ้างว่าเพื่อให้คนอเมริกามีงานทำ มันก็โดนในคนอเมริกาแล้วสิคราวนี้ แต่ว่าความเสียหายที่มันเกิดขึ้นตรงนั้น ตอนนั้นยังไม่มีใครเห็น เพราะฉะนั้นแล้ว คนอเมริกาหรือคนไทยก็มีลักษณะนิสัยสันดานคล้ายๆ กัน คือสนใจเฉพาะเรื่องเฉพาะหน้า ทำอะไรแล้วกูแฮปปี้ กูคิดว่ามึงถูก เอาด้วย แต่ว่าทำสิ่งที่คิดว่าถูกนี่ล่ะ มันจะเกิดความเสียหายต่อไปข้างหน้า กูไม่สนใจ ช่างมัน วันข้างหน้าค่อยว่ากันใหม่ ด้วยเหตุนี้ เทคโนโลยีเป็นตัวหนึ่งซึ่งทาง CIA และเพนตากอน ชี้แจงให้ทรัมป์ฟัง ว่าจีนกำลังล้ำหน้าทางเทคโนโลยี ถ้าปล่อยให้หัวเว่ย คือ 5G เกิดขึ้นได้ อเมริกาจะถดถอยมาก และทรัมป์ทนไม่ได้ที่สี จิ้นผิง ประกาศเป็นนโยบาย Made in China ปี 2025 คืออีก 5 ปีข้างหน้า
แปลว่าอะไร แปลว่าถ้า Made in China สำเร็จ บรรลุสมประสงค์ปั๊บ สินค้าของจีนจะเทียบเท่าสินค้าอเมริกา และสินค้าตะวันตก ทรัมป์ทนไม่ได้ ทรัมป์บีบจนกระทั่งสี จิ้นผิง ต้องยอม ไม่ประกาศ Made in China ในปี 2025 แต่หลังจากนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ทางการค้าทั้งสองประเทศก็ไม่ราบรื่นมาโดยตลอด ไม่ราบรื่นเลยแม้แต่นิดเดียว จนกระทั่งโควิด-19 โควิด-19 คือจุดที่มันจุดชนวนให้ความขัดแย้งนี้เห็นเด่นชัด บวกผสมกับอีกข้อหนึ่ง คือเดือนพฤศจิกายนนี้ จะต้องมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ขึ้นมา เพราะฉะนั้นแล้ว นายทรัมป์ จะอย่างไรก็ตาม จะต้องหาทางที่จะโจมตีจีน และเอาจีนเป็นแพะรับบาป เหตุผลเพราะว่านายทรัมป์จะใช้วิธีการง่ายๆ ที่จะชี้แจงให้ฟัง ให้คนอเมริกา ผ่านฟอกซ์นิวส์ ซึ่งเป็นคนโง่และไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ว่าโดนหลอกมาอย่างไรบ้าง โดยที่เขาอ้างว่าทั้งหมดนี้ ไวรัสโครนา หรือโควิด-19 จีนเป็นคนค้นพบและจีนเป็นคนปล่อยเชื้อไวรัสนี้ออกมา และทำลายอเมริกา ท่านผู้ชมครับ บางทีการพูดอะไรก็ตาม ถ้าเราไม่มีอะไรที่เป็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะมาแสดงให้เห็น บางทีก็อธิบายได้ยากเหมือนกันนะ แต่ผมเผอิญมีไทม์ไลน์ ท่านผู้ชมตามผมมา วันนี้ทรัมป์โจมตีจีน ว่าจีนเป็นคนแพร่ไวรัสโคโรนา จีนก็บอกว่าอเมริกาเป็นจุดเริ่มต้น แต่เท่าที่ผมติดตามข่าว ติดตามข้อมูล ติดตามมาทุกอย่าง ผมคิดว่าจีนพูดถูก ไวรัสที่เกิดขึ้น โคโรนาไวรัส มีปรากฏการเกิดที่อเมริกาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐอเมริกา ยังยอมรับว่าในช่วงที่คนอเมริกาตายเพราะว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ประมาณ 20 กว่าล้านคนนั้น มีบางคนที่ตายไม่ใช่เพราะโรคไข้หวัดใหญ่ เขากำลังพูดกลายๆ ว่าตายเพราะโคโรนา (โควิด-19) แต่ว่าเป็นการปิดข่าว
ท่านผู้ชมครับ ตามผมมา สั้นๆ ง่ายๆ เดือนธันวาคม จีนเริ่มพบผู้ป่วยปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุในเมืองอู่ฮั่น หูเป่ย จำนวนเพิ่มขึ้น 31 ธันวาคม 62 จีนรายงานองค์การอนามัยโลกเป็นครั้งแรก 31 ธันวาคม ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐฯ ได้รับรายงานกรณีเชื้อปอดอักเสบของจีน และวันที่ 1 มกราคม ก็รายงานเรื่องนี้ถึงกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ เอาเรื่องนี้ไปรายงานให้นายทรัมป์ฟัง นายทรัมป์กลับดุรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ว่า กังวลจนเกินเหตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ชื่อ นายอเล็กซ์ อาซาร์ นำเรื่องการแพร่ระบาดไวรัส ซึ่งได้ข่าวมาจาก CDC แล้วจีนเป็นคนแจ้งสหรัฐฯ มาให้ระวังตัว เพราะมันอันตราย เข้าหารือกับทรัมป์ แต่กลับถูกทรัมป์ตำหนิว่านายอาซาร์ตื่นตระหนกเกินไป นั่นข้อแรกแล้ว เห็นไหมท่านผู้ชม แสดงว่าอเมริการู้เรื่องมาตั้งแต่ต้นแล้ว รู้เรื่องมาตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 62
เอาล่ะ ท่านผู้ชมตามผมมา วันที่ 18 มกราคม นายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุขสหรัฐฯ ไปรายงานนายทรัมป์ หลังจากนั้น 4 วัน นายทรัมป์ถูกถามถึงประเด็นการแพร่ระบาดไวรัส ทรัมป์ตอบว่าอย่างไรรู้ไหม ไม่เลยๆ เราสามารถควบคุมมันได้อย่างเด็ดขาด มีคนเดียวที่มาจากจีน และทุกอย่างจะเรียบร้อยดี ท่านผู้ชม 22 มกราคม แล้วหลังจากนั้น 24 มกราคม อีกสองวัน นายทรัมป์ส่งทวีตไปชื่นชมจีนในการจัดการกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ และแสดงความขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ด้วย ในทวีตเขาพูดว่าอย่างนี้ China has been working very hard to contain the Coronavirus. The United States greatly appreciates their efforts and transparency. ประเทศอเมริกาขอบคุณในความพยายามและในความโปร่งใสของจีน It will all work out well. In particular, on behalf of the American People, I want to thank President Xi! ประธานาธิบดีทรัมป์พูดเองเลย บอกว่าจีนโปร่งใส และจีนพยายามอย่างหนัก
29 มกราคม เขาตั้งคณะกรรมการบริหารงานเรื่องเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส แต่ไปเน้นเรื่องอะไรรู้ไหม ป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวจีนเข้าอเมริกา และอพยพพลเมืองสหรัฐฯ กลับจากจีน และเขาไม่ได้ให้ความสำคัญเลยในการรักษาโรคหรือป้องกันโคโรนาไวรัสที่เกิดขึ้นในอเมริกา เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าอเมริการู้เรื่องโควิด-19 มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม นายทรัมป์รู้เรื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่มารายงาน แล้วก็ดันทะลึ่งไปบอกรัฐมนตรีฯ สาธารณสุขของตัวเองว่าคุณตื่นตระหนกไปเอง แปลว่าอะไร แปลว่าสิ่งที่นายทรัมป์มาพูด นายไมค์ พอมเพโอ มาพูดทุกวันนี้ และตลอดจนติ่งอเมริกามาพูดตลอดเวลา ว่าจีนเป็นผู้ที่แพร่เชื้อไวรัสนั้น มันไม่ใช่ ปัญหาใหญ่ของอเมริกาก็คือว่า อยู่ที่ประธานาธิบดีสติบ้าๆ บอๆ คนนี้ ที่ต้องการจะอวยตัวเอง ยกยอตัวเองว่าตัวเองนั้นควบคุมสถานการณ์ได้ ไม่มีอะไร เดี๋ยวเราก็เปิดได้แล้ว นี่ล่าสุดคนอเมริกาตายไปเกือบ 80,000 คนแล้ว 70,000 กว่า ติดเชื้อ 1 ล้านกว่าคน นายทรัมป์ก็บอกว่า เอาล่ะ เราต้องเปิดประเทศแล้ว ถึงแม้จะมีคนตาย เราต้องยอมรับมันไป
คุณอยู่ในประเทศที่มีคนบ้า อำมหิต อย่างนายทรัมป์ แล้วพวกติ่งอเมริกาคุณมาว่าผมได้อย่างไรว่าผมติ่งจีน ติ่งอเมริกา คุณมีอเมริกาที่มีคนบ้าคลั่งแบบนี้ แล้วคุณชื่นชมและชอบอเมริกา คุณอย่ามาดูรายการผมดีกว่า เพราะรายการผมเป็นรายการที่มีข้อมูล มีหลักฐาน มีบทพิสูจน์ ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้อเมริกาก็เลยเล่นบทที่จะฟ้องร้องจีน ผู้ว่าการรัฐมิสซูรี ก็กำลังจะฟ้องร้องจีน บอกว่าจีนเป็นต้นเหตุของการระบาดเรื่องพวกนี้ ท่านผู้ชมครับ จีนไม่ได้พูดอะไรมากมาย จีนเขาตอบสั้นๆ และผมก็เห็นด้วย ผมก็ขำ มันเป็นเรื่องที่ตลกมาก จีนเขาบอกว่า เฮ้ย ถ้าคุณเอาเหตุผลนี้มา ทั้งๆ ที่ไวรัสตัวนี้มันเป็นปัญหาของโลก ไม่ใช่เกิดที่จีน ที่อเมริกาคุณมีเคสหลายเคสที่อเมริกาไม่กล้าเปิดเผย ทหาร 5 คนที่ไปในงานแข่งขันกีฬาทหารที่เมืองอู่ฮั่น แล้วถูกเรียกตัวกลับกะทันหันเพราะติดเชื้อไวรัส เพราะมีเชื้อไวรัสอยู่ จีนบอกว่าขอเจอคน 5 คนนี้หน่อยได้ไหม จะได้รู้ จะเช็กทางวิทยาศาสตร์ว่าคุณติดเชื้อนี้มาจากไหน อเมริกาไม่ให้เจอ เพราะฉะนั้นแล้ว อเมริกาที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่าปลายปีนี้นายทรัมป์จะลงเลือกตั้ง นายทรัมป์ต้องหาแพะรับบาปให้ได้
ด้วยเหตุนี้ การยื่นฟ้องร้องจีนก็คือเกมทางการเมือง เพื่อปั่นหัวคนให้เห็นว่าไวรัสนี้มาจากจีน จีนเขาไม่ตอบอะไรมาก เขาถามมาคำหนึ่งว่า เฮ้ย ถ้าคุณบอกว่าไวรัสโคโรนามาจากจีน แล้วทำให้จีนและประเทศอื่นเสียหาย ผมขอถามคุณ 2-3 เรื่อง เรื่องแรก ไข้หวัดหมู และหวัดนก H1N1 มันเกิดที่อเมริกา แล้วคุณก็ไม่ได้แจ้งให้ชาวโลกเขารู้ด้วยนะ จนกระทั่งมันแพร่ไปทั่วเอเชียหมดเลย ถามว่าผมมีสิทธิ์ฟ้องคุณไหม นั่นข้อแรก ข้อที่สอง วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ที่อเมริกา ทำให้สถาบันการเงินล้ม แล้วมันกระจายไปทั่วโลกเลย ทำให้สถาบันการเงิน หุ้นตกทั่วโลกไปหมด ถามว่าผมมีสิทธิ์ฟ้องคุณไหม สาม พวกคุณ อเมริกาและอีก 7-8 ประเทศ บุกเข้าไปยึดพระราชวังปักกิ่ง แล้วไปขนสมบัติจากพระราชวังปักกิ่ง ในยุคล่าอาณานิคม ผมควรจะฟ้องพวกคุณไหม ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง เพราะฉะนั้นแล้ว ตรรกะที่บอกว่าประเทศจีน (ที่พูดนี่ไม่ได้เข้าข้างจีนนะ) ตรรกะที่บอกว่าประเทศจีนเกิดไวรัสโคโรนา แล้วเผอิญมันมีรายงานว่าที่อู่ฮั่นมีคนติดเชื้อ แต่เผอิญในอเมริกาเองที่ซานตาคลารา มีคนตายก่อนที่คนอู่ฮั่นจะติดเชื้อ แล้ววันนี้พิสูจน์ชัดแล้วว่าตายจากโควิด-19 และคนที่ทำข่าวนี้คือหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ หนังสือพิมพ์ของอเมริกาเอง เขาทำข่าวมา ก็เลยถามว่า ถ้าอย่างนั้นแล้ว ทั้งๆ ที่เรามีคนติดเชื้อโควิด-19 เกิดขึ้นที่อเมริกา ที่วอชิงตัน โดยนักเขียนนิตยสาร The Atlantic ทำรายงานข่าวออกมา วอชิงตันโพสต์ทำที่ซานตาคลารา คือคนพวกนี้ตายก่อนที่คนที่อู่ฮั่นจะติดเชื้อโควิด-19 แปลว่าอะไร เพราะฉะนั้นแล้ว อเมริกาเองต้องระวังตัว เพราะขณะนี้หลักฐานแต่ละเรื่องๆ เริ่มโผล่มาแล้ว ว่าโควิด-19 นั้นแท้ที่จริงแล้วเคยเกิดที่อเมริกา จากโรคไข้หวัดใหญ่ แล้วมีคนตายพร้อมกันจำนวน 20 กว่าล้านคน แล้วในส่วนหนึ่งของ 20 กว่าล้านคนนั้น คือคนที่ติดเชื้อโควิด-19 แต่อเมริกาไม่ได้ตรวจสอบโดยละเอียด และไม่ได้รายงาน ท่านผู้ชมครับ เมื่อจีนเป็นอย่างนี้ จีนตั้งเป้าเป็นอำนาจโลกทางเทคโนโลยีในปี 2025 เทคโนโลยีอะไรบ้าง เรื่อง 5G จีนติดตั้งแล้ว เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ปัญญาประดิษฐ์ เทคโนโลยีทางการทหาร เทคโนโลยีเกี่ยวกับเงินดิจิทัล (DCEP : Digital Currency Electronic Payment) แสดงว่าจีนกำลังรุกอเมริกาไปมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี AI
AI คืออะไร AI ก็คือ Artificial Intelligence หรือที่ภาษาไทยเขาเรียกว่า ปัญญาประดิษฐ์ ปัญญาประดิษฐ์สำคัญตรงไหน ตอนนี้ใครเป็นผู้นำในปัญญาประดิษฐ์ในโลกนี้ อเมริกา แต่คนที่หายใจรดต้นคออเมริกาก็คือจีน จีนอาจจะไม่มีสิทธิ์ที่จะแซงในเรื่องของการค้นพบปัญญาประดิษฐ์เพิ่มเติม แต่ตอนนี้การประยุกต์ปัญญาประดิษฐ์ไปใช้ จีนแซงอเมริกาไปหลายลี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Face Recognition ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่นำมาใช้ในธุรกิจของอะลีบาบา อะลีบาบาไม่มีเจ้าหน้าที่นะครับ ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สมมุติว่าเฟซบุ๊กของคุณ คุณเข้า account ของคุณ ปัญญาประดิษฐ์จะบอกเลยว่า account ของคุณจะต้องเอาหน้าอะไรขึ้นก่อน คุณชอบอะไร มันจะทำให้ทันทีเลย จีน ปัญญาประดิษฐ์ประกอบด้วย 3 ส่วน อันหนึ่งเขาเรียกว่า Computational Power ก็คือว่า พลังอานุภาพของคอมพิวเตอร์ ซึ่งอเมริกายังเหนือกว่าจีน อันที่สอง เรียกว่า Big Data พลังของข้อมูลขนาดใหญ่ อันที่สาม คือพลังของการวิเคราะห์ จีนมีอันที่สองที่เหนือกว่าอเมริกา เพราะว่าจีนมีพลังข้อมูลที่ทำมานานแล้ว ค่อนข้างจะแม่นยำ เพราะว่าจีนเขาไม่เน้นเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับเขาไม่เป็นความลับ ทุกคนต้องเปิดหมด เพราะเขาเป็นประเทศที่เข้มงวด เผด็จการมากในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นเขามี Big Data ตรงนี้ การมี Big Data ตรงนี้ เขาใช้ Big Data ตรงนี้มาใช้กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ก็เลยทำให้ปัญญาประดิษฐ์ของจีนฉลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อเมริกามีเฉพาะกำลังทางคอมพิวเตอร์ แล้วก็มีเฉพาะกำลังในการวิเคราะห์ ซึ่งอเมริกาเก่งกว่าจีน แต่อเมริกาขาด Big Data ตรงนี้ เพราะข้อมูลในอเมริกาเป็นข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเขาไม่ให้เปิดเผย เพราะฉะนั้นแล้วความก้าวหน้าในการ usage หรือในการประยุกต์ปัญญาประดิษฐ์ จีนเหนือกว่าอเมริกา แล้วถามว่าอเมริกากลัวไหม อเมริกากลัว ในทางทหาร ผมอธิบายให้ท่านฟังแล้วว่าเดี๋ยวนี้อเมริกาไม่ได้มีการล้ำหน้าทางทหาร หรือว่าไม่มีอิทธิพลเหนือจีน เพราะว่าจีนเมื่อแพ็กกับรัสเซีย และแพ็กกับเกาหลีเหนือ อเมริกาทำอะไรไม่ได้ รัสเซียเอากองเรือรัสเซียไปยันไว้ทางเหนือทางด้านแปซิฟิก และไปยันไว้ทางด้านยุโรป จีนอยู่ทะเลจีนตอนใต้ ยันกับกองเรือที่ 7 แล้วท่านผู้ชมจะทิ้งพี่คิม จอง-อึน ของผมไปไหน พี่คิม จอง-อึน มันเหมือนนักล่องหนเลยนะ โผล่มาเมื่อไรก็ไม่รู้ โผล่มาพร้อมเรือดำน้ำติดนิวเคลียร์ โผล่มาพร้อมอาวุธขีปนาวุธนำวิถี อเมริกาก็รู้ อเมริกาไม่กล้า แต่ทั้งๆ ที่รู้และทั้งๆ ที่ไม่กล้า อเมริกาก็ยังเกเรอยู่ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าในเดือนที่ผ่านมา ปัญหาใหญ่ที่สุดคือได้มีการพยายามอย่างมากที่จะโชว์แสนยานุภาพ
เมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน เรือรบของอเมริกา เรือติดขีปนาวุธ ยูเอสเอส แบร์รี วิ่งเข้าไปที่เกาะพาร์เซล ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่จีนอ้างว่าเป็นของตัวเอง แล้วโดนจีนขับไล่ออกมา แล้วจีนก็ประท้วงอเมริกาว่าละเมิดอธิปไตยของจีน ยังไม่ทันจะตอบขอโทษหรือรับอะไรทั้งสิ้น อเมริกาส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน B-1B พร้อมเรืออีก 4 ลำ พร้อมลูกเรือ 200 คน บินไปวางกำลังไว้ที่เกาะกวม เป็นเรือทิ้งระเบิดรุ่นใหม่ล่าสุดที่ทันสมัยที่สุดที่อเมริกามีอยู่ เหมือนกับไปข่มขู่ว่า มาแล้วนะ ในเวลาเดียวกัน หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน อเมริกา ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า เรือรบอเมริกาที่อยู่ในอ่าวเปอร์เซ๊ยนั้น แล้วถุกเรือรบของอิหร่านมาเกาะกลุ่มอยู่ 7-8 ลำนั้น ทรัมป์สั่งให้เรือรบอเมริกายิงเรืออิหร่านได้ทันทีเลย ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า ประธานาธิบดีของอิหร่านตอบว่าอย่างไร เขาบอกว่า เขาอยากให้ประธานาธิบดีทรัมป์รู้ว่าสถานที่ที่เรือคุณวิ่งเข้ามานี้ เขาเรียกว่า อ่าวเปอร์เซีย ประเทศของผมเดิมชื่อเปอร์เซีย และนี่คืออ่าวเปอร์เซีย (Persian Gulf) ไม่ใช่อ่าวนิวยอร์ก ไม่ใช่อ่าววอชิงตัน และที่สำคัญ ผมกำลังซ้อมรบของผมอยู่ และผมประกาศให้รู้ล่วงหน้าแล้วว่าผมกำลังซ้อมรบ แล้วคุณมาทำไม ถ้าคุณมาอย่างนี้ก็ต้องเจอกันสิ ปรากฏว่าอเมริกาไม่กล้า ถอยอีก วันดีคืนดีอเมริกาส่งเรือรบไปเวเนซุเอลา เพื่อบอกว่าจะไปปกป้องทรัพย์สินของคนอเมริกาจากพวกบรรดาพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ของเวเนซุเอลา แล้วก็แอบส่งหน่วยจรยุทธ์ขึ้นไปเพื่อจะลอบสังหารประธานาธิบดีมาดูโร ปรากฏว่าโดนจับได้ และที่จับได้มีอยู่ 2 คน เขาเช็กโดยละเอียดแล้ว เป็นอดีตเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีทรัมป์ ท่านผู้ชม มันน่าขบขันตลก และแน่นอนที่สุด ทรัมป์ก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้องด้วย เพราะฉะนั้นแล้ว แค่เวเนซุเอลา อเมริกายังทำอะไรไม่ได้ แล้วคุณจะมาทำอะไรกับจีน แล้วคุณจะมาทำอะไรกับรัสเซีย เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมจะเจอเรื่องพวกนี้ จะเจอปากของทรัมป์ ซึ่งภาษาจีนเขาเรียกว่า เฉาฉุ่ย ปากเหม็น ขอให้ได้ด่า แล้วก็โกหกเป็นประจำ รายวัน อเมริกาไม่มีปัญหา มีปัญหาตรงที่ว่ามีประธานาธิบดีที่เฮงซวยแบบนี้ ใช้ไม่ได้ แล้วพวกติ่งอเมริกาที่ติ่งมากๆ เลย แสดงว่าคุณเห็นด้วยกับทรัมป์ใช่ไหม ถ้าคุณเห็นด้วยกับทรัมป์ คุณใช้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเขาเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลกนี้ ไม่มีใครคบอีกเลย ประเทศ จี7 ก็ไม่คบ ทรัมป์มีพวกอยู่พวกเดียว คือออสเตรเลีย อังกฤษตอนนี้ก็เริ่มไม่เอาทรัมป์ อังกฤษให้หัวเว่ยเข้าไปใช้บริการ 5G แล้ว ตอนนี้ทรัมป์ก็เลยใช้วิธีการว่า จะเพิ่มภาษีอีกแล้ว และทรัมป์ก็จะใช้วิธีการเตะตัดขาดภาวะเศรษฐกิจของจีนด้วยการทำลายห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ท่านผู้ชมที่ไม่เข้าใจศัพท์เศรษฐศาสตร์นี้ ผมจะอธิบายให้ฟัง ห่วงโซ่อุปทานมันคือโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ในการใช้ในการประกอบสินค้าต่างๆ อย่างเช่น คอมพิวเตอร์ 1 ตัว คีย์บอร์ดที่คุณใช้พิมพ์อาจจะผลิตที่ประเทศไทย ชิปที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ ที่อยู่ในโน้ตบุ๊ก อาจจะผลิตที่เกาหลี จออาจจะผลิตที่ไต้หวัน การประกอบอาจจะประกอบที่จีน พวกนี้เขาเรียกว่า supply chain เหมือนกับการผลิตรถยนต์ 1 คัน ตอนนี้ท่านเป็นเจ้าของรถยนต์ ท่านเป็นโรงงาน เบาะท่านอาจจะเอามาจากไทยซัมมิทฯ อินดัสตรี ของคุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ของคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เครื่องคุณเอามาจากญี่ปุ่น เพราะต้องส่งจากญี่ปุ่นมา สี การประกอบ พ่นในเมืองไทย พวกเครื่อง พวกเบาะ และก็พวกคอมพิวเตอร์ชิป พวกนี้เขาเรียกว่า ห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า เนื่องจากว่าจีนมีสถานภาพเป็นโรงงานโลก เขาก็เลยจะยุติตรงนี้ โดยที่ดึงห่วงโซ่อุปทาน บริษัทต่างๆ ที่เคยผลิตชิ้นส่วนให้ เอาออกมาจากจีน มาอยู่ที่เวียดนามบ้าง มาอยู่ที่ไทยบ้าง และบางแห่งก็อาจจะไปอยู่ที่อเมริกา เพื่อไม่ให้จีนมีอำนาจเหนือการจัดการเรื่องห่วงโซ่อุปทาน เหมือนอย่างโควิด-19 ครั้งนี้ ที่โรงงานปิดหมดเลย ห่วงโซ่อุปทานไม่มี ขนาดเจ้าของบริษัทรถเรนจ์ โรเวอร์ ที่อินเดียซื้อไป หาอุปกรณ์ไม่ได้ หาอะไหล่ไม่ได้ ต้องบินมาที่เมืองไทย ซื้ออะไหล่ใส่กระเป๋าเดินทางไป 100 กว่ากระเป๋า เพื่อไปประกอบรถยนต์ที่อินเดีย นี่คือวิธีการของทรัมป์ ทรัมป์จะขึ้นภาษีจีนเพิ่มอีก คือจะบีบจีนทางเศรษฐกิจ แต่ท่านผู้ชมเชื่อผม เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนให้จีนเช่นกัน จีน ในลักษณะหนึ่ง ถ้าต้องการที่จะอยู่ในโลกนี้ ก็ต้องไม่ยะโสโอหังกับเพื่อนบ้าน ไม่ใช้อำนาจอิทธิพลที่ตัวเองมี แต่จีนยังไม่มีตรงนี้ แต่แนวโน้มอาจจะมี เลยต้องเตือนเอาไว้ก่อน จีนมีปัญหาเรื่องลำน้ำโขง เรื่องการสร้างเขื่้อนอยู่ที่สิบสองปันนา กักน้ำไม่ให้ไหลลงมาลำน้ำโขง ปล่อยน้ำออกมาได้ก็เมื่อตัวเองต้องการจะปล่อย ไม่ใช่จีนจะเลอเลิศวิเศษศรีไป แต่ในเรื่องโควิด-19 อเมริกาเกเรมาก เหตุผลที่เกเรก็เพราะว่าตัวเองนั้นกำลังจะเลือกตั้ง และนายทรัมป์กลัวมาก เพราะว่าคะแนนเสียงนายทรัมป์เริ่มตามนายไบเดนแล้ว นายทรัมป์ถึงต้องการเอาเศรษฐกิจนำหน้าด้วยการสั่ง พยายามจะให้เปิดประเทศให้หมด คนตายไปเท่าไรช่างมัน เพราะนายทรัมป์ให้สัมภาษณ์ชัดเจนนี่ ถ้ามีคนตายมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ มันต้องมีคนตาย ระหว่างที่ท่านอยู่ในประเทศที่มีคนอย่างนายทรัมป์ กับท่านอยู่ในประเทศไทย หรืออยู่ในประเทศจีน ที่ท่านเป็นอะไรปั๊บ เขาจัดการท่าน กักตัวท่านแล้วรักษาพยาบาล แล้วไม่เสียเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ท่านอยากอยู่ประเทศไหน มีข่าวเล่ามาว่า กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ กลัวมาก ไม่กล้าที่จะปะทะหรือเผชิญหน้ากับประเทศอย่างอิหร่าน หรือประเทศอย่างจีน เหตุผลเพราะการยิงจรวดดาวเทียมเข้าสู่วงจรของอิหร่านเมื่อเร็วๆ นี้ ปรากฏว่ากระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ค้นหาแหล่งดาวเทียมไม่เจอว่าอยู่ที่ไหน และเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ พูดชัดเจนว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าดาวเทียมอิหร่านดวงนี้จะติดอาวุธนิวเคลียร์ไว้ด้วย ท่านผู้ชมครับ ประเทศต่างๆ เหล่านี้จะยังไม่มีความสงบ ถามว่าอเมริกาเบี้่ยวหนี้จีนได้ไหม จีนตอนนี้เป็นเจ้าหนี้อเมริกาอยู่ 1.2 ล้านล้านเหรียญ จีนรู้อยู่แล้วว่าเงินอเมริกาไม่มีมูลค่า เพราะฉะนั้นแล้ว ตั้งแต่สมัยนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ตอนที่อเมริกาออก QE (Quantitative Easing) คือการปล่อยปริมาณเงินออกมา เหวิน เจียเป่า บอกว่านี่มันเป็นการพิมพ์แบงก์นี่ พิมพ์แบงก์เพิ่ม เพื่อให้เงินดอลลาร์ท่วม แล้วส่งออกเงินดอลลาร์พวกนี้ไปทั่วโลกเลย เพื่อให้ประชากรทั่วโลกถูกสูบเงินกลับคืนมาอีก เพราะฉะนั้นแล้วคุณค่าของเงินดอลลาร์ไม่มี จีนก็เลยเริ่มซื้อทองคำเข้ามาเก็บเอาไว้ จากสมัยก่อน 20 ปีที่แล้ว จีนมีทองคำมูลค่าประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่านั้นเอง วันนี้จีนมีมูลค่าทองคำ 1 แสนกว่าล้านเหรียญสหรัฐ ท่านผู้ชมถามผม ทำไมคุณสนธิไปว่าอเมริกา ดอลลาร์เป็นแบงก์กงเต็ก ผมไม่ต้องอธิบายหลักเศรษฐศาสตร์หรอก มันซับซ้อน เอาง่ายๆ ก็แล้วกัน สมัยก่อนที่ข้อตกลง Btetton Woods ก็คือข้อตกลงที่้ประธานาธิบดีนิกสัน ไม่เอาเงิน โดยที่ใช้ทองคำเป็นหลักประกัน ช่วงนั้นเอาดอลลาร์เป็นหลักประกัน ก็เลยตกลงกันว่าทองคำ 1 ออนซ์ ของโลกนั้น ใช้เงินดอลลาร์ซื้อ 35 ดอลลาร์ 35 ดอลลาร์ต่อทองคำ 1 ออนซ์ 40 ปีให้หลัง มาวันนี้ ทองคำ 1 ออนซ์ เดิมต้องใช้เงินถึง 1,800 เหรียญสหรัฐ ซื้อ แล้วท่านว่าเงินดอลลาร์เป็นแบงก์กงเต็กหรือเปล่าล่ะ ถ้าท่านถือทองคำ 1 ออนซ์ เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มูลค่า 35 เหรียญสหรัฐ ทองคำ 1 ออนซ์ มาถึงวันนี้ 40 ปีให้หลัง ท่านขายทิ้ง ท่านจะได้เงิน 1,700 กว่าเหรียญสหรัฐ แสดงว่า 1,700 กว่าเหรียญสหรัฐ ของท่าน ณ วันนี้ มันเท่ากับ 35 เหรียญสหรัฐ สมัยก่อน เอาหลักบัญญัติไตรยางค์ง่ายๆ ก็แล้วกันท่านผู้ชม
ผมก็ไม่คิดว่าสงครามจะเกิด ณ เวลานี้ เพราะอเมริกาไม่กล้า อเมริกาเป็นเพียงแต่ต้องการข่มขู่จีน โยนแพะให้จีน ว่าจีนคือต้นเหตุ เพื่อปัดความรับผิดชอบของนายทรัมป์ เพราะโคโรนาไวรัส (โควิด-19) ที่ทำให้คนอเมริกาตาย 70,000 กว่าคน และจะเป็นแสน หลายๆ แสนคนนั้น เกิดขึ้นเพราะว่านายทรัมป์โกหกหลอกลวง ปลิ้นปล้อน สับปลับ ไม่ยอมรับความจริง ทั้งๆ ที่เขาแจ้งมา ประเทศจีนเขาแจ้งมาเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม แล้วก็แจ้งไปที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอนต้นมกราคม ต้นมกราคม กุมภาพันธ์ ถึงมีนาคม นายทรัมป์ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว นั่งโม้อยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไร เรียบร้อยหมด เราจัดการได้หมดทุกอย่าง แล้วพอคนเริ่มตายเยอะแยะขึ้นมา ท่านผู้ชม ผมดูคลิปความสับปลัดของไอ้หมอนี่แล้ว ผมนึกไม่ถึงเลย ผมแทบไม่อยากจะเรียกว่านี่คือกุ๊ย เป็นคนอย่างนั้นจริงๆ หรือใครติ่งนายทรัมป์ ก็บอกกับผมมา เป็นตัวตลกของโลก และเป็นตัวที่พูดโกหกแล้วไม่เคยจำว่าตัวเองพูดอะไร คือขอให้โกหกเอาตัวรอดไป เรื่องนี้โยนให้จีน เรื่องนี้โยนขี้ให้รัสเซีย เอาตัวรอดก่อน ความพินาศฉิบหายของคนอเมริกันที่ทำเวรทำกรรมมามากในอดีต กำลังเริ่มมาแล้ว โดยมาโดยคนของเขาเอง ชื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ความจริงแล้วมีเรื่องราวที่ลึกซึ้งกว่านี้อีกเยอะ ผมขี้เกียจจะเล่าให้ฟัง เอาเป็นว่าวันนี้เอาเพียงคร่าวๆ แค่นี้ก่อนแล้วกัน เพราะเรื่องที่ผมพูดนี้ความจริงมันมีรายละเอียดที่จะต้องชี้แจงกันอีกเยอะเลย แต่เท่าที่ผมฟังมา นายทรัมป์บอกว่าโควิด-19 เกิดที่จีน นายทรัมป์ไม่เคยเอาหลักฐานอะไรมาให้ดูเลยแม้แต่นิดเดียว แต่หลักฐานที่ของเขาเอง ทั้งวอชิงตันโพสต์ นิตยสาร The Atlantic แม้กระทั่งหมอ แม้กระทั่งทางคณะวิจัยที่ฮาร์วาร์ด ยืนยันออกมาแล้วว่ามีโอกาสสูงว่าอเมริกาเคยมีเคสโควิด-19 ก่อนที่จีนจะติดเสียด้วยซ้ำ แต่นายทรัมป์บอกว่า พิสูจน์ มีข้อมูลที่เชื่อได้อย่างแน่นอนแล้วว่าโควิด-19 หลุดมาจากห้องแล็บของจีนที่อู่ฮั่น เดิมทีโจมตีว่าหลุดมาจากห้องแล็บที่แคนาดา แคนาดาก็ออกมาปฏิเสธ บอกว่าเป็นไปไม่ได้ ผมถามท่านที่ติ่งอเมริกาซิว่า จะฟ้องจีน คุณเอาฐานอะไรมาฟ้อง คุณเอาฐานอะไรมาฟ้องเขา ข้อแรก ข้อที่สอง ผมก็ถามกลับ แล้วเขาฟ้องคุณกลับได้ไหม อย่างที่ผมเล่าให้ฟังไง Hamburgur Crisis ทำให้ประเทศทั่วโลกล่มสลายทางการเงิน H1N1 โลกซาร์ส เกิดขึ้นที่อเมริกา แล้วอเมริกาเป็นคนที่ปิดข่าวพวกนี้ จนกระทั่งมันระบาดออกไป แล้วเขา trace กลับไปถึงรู้ว่าเกิดที่อเมริกา ถามว่าโรคนี้ จีน หรือเรา หรือฮ่องกง ฟ้องอเมริกาได้ไหม เขาไม่ฟ้องกันหรอกครับเรื่องนี้ เขาต้องร่วมมือกันทุกคน เพื่อมาหยุดยั้งเรื่องนี้ให้ได้ ที่จะฟ้องเพราะว่ามันมีคนบ้า กุ๊ย ที่ชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มันไม่ได้เห็นเรื่องอะไรเลย แล้วสมัยที่มันหนุ่มๆ ผมมีหมดเลย เอกสาร มันเคยให้สัมภาษณ์ มันบอกว่าถ้ามันจะเล่นการเมืองมันต้องเล่นรีพับลิกัน เพราะคนรีพับลิกันมันโง่บัดซบ ผมมีหลักฐานนี้มี แล้วฟอกซ์นิวส์นี่ ป้อนอะไรให้มันพูด มันจะพูดหมดเลย แล้วเป็นประโยชน์กับเรา ผมต้องเล่นรีพับลิกัน เพราะคนที่เป็นสมาชิกรีพับลิกันมันโง่บัดซล และนี่คือประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ท่านผู้ชมครับ รอฟังไลฟ์สดเรื่องการบินไทย ผมยังไม่บอกว่าวันไหน แต่ท่านที่ฟอลโลว์ ท่านคอยฟังเสียงติ๊งขึ้นมา การบินไทย ผมจะตอบคำถามท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คุณถาวร เสนเนียม ซึ่งเพิ่งเข้ามาดูแลการบินไทยได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ผมพูดเรื่องนี้มาหลายปีแล้วครับท่านถาวร ท่านฟังให้ดีๆ นะครับ ถ้าท่านฟังแล้ว ท่านไม่เห็นด้วย ท่านชี้แจงมาได้ ไม่ใช่ว่าผมพูดไปแล้ว อีก 6 เดือนท่านค่อยส่งจดหมายมาให้ผม ประสาทรับรู้ท่านช้าไปหน่อยครับ ท่านผู้ชมครับ สวัสดีครับ ขอบคุณแหล่งข้อมูลhttps://mgronline.com/politics/detail/9630000047954