วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

จีนอาจเปิดตัวหยวนดิจิทัลเร็วขึ้น เพื่อโต้การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

จีนอาจเปิดตัวหยวนดิจิทัลเร็วขึ้น 
เพื่อโต้การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ

พฤษภาคม 26, 2020
รายงานใหม่ระบุว่าจีนอาจเร่งการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อตอบโต้ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภัยคุกคามของสหรัฐอเมริกา

CBDC จะเปิดตัวเร็วขึ้น ?

อ้างอิงจากรายงานล่าสุดที่เผยว่า ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกกำลังทดสอบโปรเจค CBDC บนแอปพลิเคชั่นมือถือ แหล่งข่าวอ้างว่าองค์กรที่อยู่เบื้องหลังโปรเจคนี้คือ ธนาคารประชาชนจีน (PBoC), AliPay และ Tencent ซึ่งได้นำร่องใช้เวอร์ชั่นแรกในพื้นที่ใหม่อย่าง Xiongan 
ในขณะที่แหล่งข่าวก่อนหน้านี้ได้ยืนยันแล้วว่า ในช่วงแรกสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวนี้จะถูกใช้สำหรับการชำระเงินรายย่อยและการชำระค่าธรรมเนียมของสมาชิกในพรรคคอมมิวนิสต์ โดยสื่อข่าวท้องถิ่นได้ชี้ให้เห็นวัตถุประสงค์หลักสองประการที่แตกต่างกันสำหรับโปรเจค CBDC ว่า
ประการแรกมันอาจจะมาถึงเร็วขึ้นเพื่อที่จะตอบโต้ภัยคุกคามจากสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและค่าเงินหยวน
“แม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ได้นำบริษัทและสถาบันการเงินของจีนเข้าไปอยู่ในลิสรายชื่อบัญชีดำ แต่สหรัฐฯ ก็อาจยังคงคุกคามสถาบันของจีนในวงกว้างและส่งผลกระทบต่อสถานะของเงินหยวนในการชำระเงินในระดับสากล ด้วยเหตุนี้สกุลเงินดิจิทัลที่ดำเนินการโดยรัฐของจีนจึงอาจจะถูกนำออกใช้เร็วกว่าที่คาดเพื่อตอบโต้การคุกคามของสหรัฐฯ” โดยกล่าวสำนักข่าว Cao Yin
นอกจากนี้ประเทศยังรายงานการได้ใช้ CBDC เพื่อดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ หลังวิกฤต COVID-19 จบลง สำนักข่าว Cao Yin อธิบายว่า “ความสามารถในการติดตามสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจาก blockchain นั่นสามารถช่วยให้เงินหลั่งไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง”

บทลงโทษระหว่างสหรัฐ ฯ กับจีน

ทั้งสองประเทศนั่นมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่มากที่สุดในโลก อ้างอิงตาม GDP ซึ่งปัจจุบันสหรัฐ ฯ และจีนกำลังมีความขัดแย้งครั้งใหม่ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่จีนเสนอกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติใหม่ในฮ่องกง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสั่งห้ามการปลุกระดม , การแยกตัวและการโค่นล้มรัฐบาล
นโยบายสองระบบที่ช่วยให้ฮ่องกงสามารถรักษาการดำเนินงานทางเศรษฐกิจและการบริหารของตนเองที่เพิ่งถูกยกเลิกไปนั่นได้ทำให้ประชาชนหลายพันคนได้ออกมาประท้วงและต่อต้าน ในขณะที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่ากฎหมายนี้อาจเป็นอันตรายต่อประเทศใดประเทศหนึ่ง
นาย Robert O’Brien ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกากล่าวว่ากฎหมายฉบับใหม่นี้จะอนุญาตให้จีนสามารถ “เข้ายึดครองฮ่องกง” ดังนั้นเขาเชื่อว่าสหรัฐ ฯ จะดำเนินการตามมาตรการลงโทษต่อไป
“การเสนอร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในครั้งนี้ ตีความเป็นนัย ๆ ได้ว่าจีนกำลังจะเข้ายึดครองฮ่องกงและหากทำเช่นนั้นจริง มันจะไม่สามารถรับรองได้เลยว่าฮ่องกงจะมีอิสรภาพ” กล่าวโดยนาย Mike Pompeo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ 

กฎหมายมรดกของจีน อาจมีการอัปเดตให้ครอบคลุมสกุลเงินดิจิตอลรวมถึง Bitcoin

กฎหมายมรดกของจีน อาจมีการอัปเดตให้ครอบคลุมสกุลเงินดิจิตอลรวมถึง Bitcoin 

พฤษภาคม 26, 2020

เมื่อเร็ว ๆ นี้รัฐสภาจีน มีการเปิดเผยร่างของประมวลกฎหมายแพ่งฉบับปรับปรุง ซึ่งรวมถึงการคุ้มครองสิทธิพลเมือง เช่น ทรัพย์สิน , สัญญา , การแต่งงานและมรดก ซึ่งคาดว่าจะมีการอัปเดตที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิตอลรวมถึง Bitcoin
ในกฎหมายเกี่ยวกับการรับมรดก รัฐบาลจีนได้นำเสนอกรอบการทำงานหลักที่อาจส่งผลกระทบต่อ cryptocurrency และเจ้าของ Bitcoin โดยในปัจจุบัน “กฎหมายมรดก” ฉบับดั้งเดิมก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1985 ได้แก่ civil income, housing, trees,cultural relics และ copyrights
โดยการอัปเดตใหม่นั้นจะมีการกำหนดว่า เมื่อบุคคลธรรมดาได้เสียชีวิตลง มรดกของเขา / เธอ คือทรัพย์สินทางกฎหมายส่วนบุคคล ซึ่งสิ่งนี้จะครอบคลุมไปถึงทรัพย์สินที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตและสกุลเงินดิจิตอล เช่น Bitcoin
Lixin Zhang ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัย Renmin แห่งประเทศจีนกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ China Central Television (CCTV) ว่า กฎหมายมรดกรุ่นเก่านั้นไม่สอดคล้องกับความต้องการของสังคมสมัยใหม่ ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะนำเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมใหม่มาใช้มากมาย
ร่างกฎหมายใหม่นี้จะถูกส่งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติของจีนเพื่อตรวจสอบ และยังไม่ชัดเจนว่ามันจะส่งผลกระทบต่อ Bitcoin มากน้อยเพียงใด
อ้างอิง : LINK

ผู้ว่าธนาคารกลางจีนยืนยันกับผู้สื่อข่าว : ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดตัว “หยวนดิจิตอล” (DCEP) อย่างเป็นทางการ


ผู้ว่าธนาคารกลางจีนยืนยันกับผู้สื่อข่าว : ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดตัว “หยวนดิจิตอล” (DCEP) อย่างเป็นทางการ

Yi Gang ผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีน ได้ตอบคำถามกับผู้สื่อข่าว โดยยืนยันว่า ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดตัวของ “หยวนดิจิตอล” อย่างเป็นทางการ
สำนักข่าวท้องถิ่น PANews รายงานว่า นาย Yi Gang กล่าวว่าธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBOC) ยังคงไม่มีกำหนดเวลาในการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “หยวนดิจิตอล” และการทดลองในปัจจุบันที่กำลังทำอยู่บางเมืองนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ “การวิจัยและพัฒนา”


ในปัจจุบัน ธนาคารกำลังดำเนินการทดสอบใน 4 เมืองได้แก่ เซินเจิ้น , สงอัน , เฉิงตู และซูโจว เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือและความเสถียรของระบบ รวมทั้ง ประสิทธิภาพ , ความพร้อมใช้งานของกระบวนการต่าง ๆ , ความสะดวกในการใช้งาน , การใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม โครงการทดสอบนำร่องนั้นอยู่ในช่วงของการวิจัยและพัฒนา และยังไม่ได้มีการกำหนดวันที่จะออกเงินหยวนดิจิทัลอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด” Yi Gang กล่าว
PBOC นั้นได้ร่วมมือกับบริษัทหลายแห่ง รวมถึงธนาคารพาณิชย์ 4 แห่ง ได้แก่ China Construction Bank, ธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งประเทศจีน, ธนาคารแห่งประเทศจีน และธนาคารเพื่อการอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของจีน
ขอบคุณแหล่งข้อมูล
https://bitcoinaddict.org/2020/05/26/yi-said-theres-still-no-timetable-on-a-formal-launch-dcep-yet/?utm_source=izooto&utm_medium=push_notification&utm_campaign=Bitcoin_Addict

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สภาประชาชนจีน(NPC) เสนอตั้งกองทุนสำหรับพัฒนาอุตสาหกรรม Blockchain เพื่อการเป็นผู้นำระดับโลก


สภาประชาชนจีน(NPC) เสนอตั้งกองทุนสำหรับพัฒนาอุตสาหกรรม Blockchain เพื่อการเป็นผู้นำระดับโลกพฤษภาคม 25, 2020

ที่การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน(NPC) ชุดที่ 13 ระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค. ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ได้มีการเสนอจัดตั้งกองทุนพิเศษสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรม Blockchain
สภาประชาชนแห่งชาติหรือ NPC เป็นองค์กรนิติบัญญัติชั้นนำของจีน ที่มีตัวแทนทั่วประเทศกว่า 3,000 คนจจะมาพบกันปีละครั้งเพื่อยื่นข้อเสนอในระหว่างการประชุม โดยตามรายงานข่าวของปักกิ่งเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม Jieqing Tan รองผู้อำนวยการ NPC เสนอแนะให้จัดตั้งกองทุนพิเศษสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมบล็อกเชน หากได้รับการยอมรับกองทุนนี้จะเป็นกองทุนที่นำโดยรัฐบาล 
เป้าหมายของกองทุนคือการสนับสนุนการพัฒนาและการเติบโตของผู้ประกอบการ blockchain จำนวนมาก , ส่งเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีบล็อกเชน และบ่มเพาะองค์กรที่เป็นระดับยูนิคอร์นในพื้นที่บล็อกเชน

Smart governance ผ่าน blockchain

ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมบล็อกเชน ทำให้ Tan เชื่อว่าระบบการกำกับดูแลของประเทศจะ “ทันสมัย” มากขึ้น
เทคโนโลยีบล็อคเชนไม่เพียง แต่จะเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการผลักดันประเทศจีนสู่การเป็น smart governance และ high-trust society เท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยให้จีนเป็นผู้นำระดับโลกในการพัฒนาเทคโนโลยีแห่งอนาคต เขาคิดว่าด้วยการเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมนี้ จีนจะสามารถปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติได้ดีขึ้น 
Tan ยังเสนอว่าควรกำหนดแผนพัฒนาอุตสาหกรรมบล็อกเชนแห่งชาติอย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า: 
“ตั้งแต่มาตรฐานเทคโนโลยีระดับรากหญ้า ไปสู่การพัฒนาแอพพลิเคชั่นอุตสาหกรรมในระดับกลาง ไปจนถึงการออกแบบระบบที่ระดับบนสุด เทคโนโลยีบล็อกเชนแห่งชาติ , อุตสาหกรรมและการกำกับดูแลระบบ ควรได้รับการประสานงานอย่างดีในทุกระดับ”
ศักยภาพทางเศรษฐกิจใหม่และโอกาสในการทำงานใหม่ ๆ ที่ได้รับจากเทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นมีขนาดใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม Tan ก็ชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการ blockchain ยังมีจำกัด ความสามารถในการ scalability และการขาดความสามารถและข้อมูล ยังคงเป็นปัญหาหลักที่ขัดขวางระบบนิเวศของ blockchain จากการพัฒนา
อ้างอิง : LINK

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

รัฐบาลจีนเสนอสร้างเหรียญ Stablecoin สำหรับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกแล้ว


รัฐบาลจีนเสนอสร้างเหรียญ Stablecoin สำหรับประเทศในแถบเอเชียตะวันออกแล้ว

พฤษภาคม 22, 2020
รัฐบาลจีนเตรียมสร้างเหรียญ stablecoin ที่แบ็คอัพด้วยตระกร้าสกุลเงินดิจิตอลของพื้นที่ทวีปเอเชียตะวันออก ซึ่งประกอบไปด้วยเงินเยนของญี่ปุ่น, เงินวอนของเกาหลี, เงินหยวนจีนและเงินดอลลาร์ฮ่องกง ซึ่งโปรเจ็คเหรียญ stablecoin นี้เป็นโปรเจ็คแยกออกมาต่างหากจากเงินหยวนดิจิตอลของจีน

สกุลเงินดิจิตอลประจำทวีปเอเชียตะวันออก

คุณ Shen Nanpeng สมาชิกการประชุมที่ปรึกษาทางการเมืองของชาวจีนและหุ้นส่วนการจัดการระดับโลกของ Sequoia Capital ได้เสนอโปรเจ็คสกุลเงินดิจิตอลในระหว่างการประชุมระดับชาติในวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม
โดยโปรเจ็คสกุลเงินดิจิตอลดังกล่าวนี้อาจจะไม่ได้สร้างอยู่บนบล็อกเชนหรือเป็นคริปโตเคอร์เรนซีเหมือนอย่าง Tether และ USDC ซึ่งโปรเจ็คเหรียญ stablecoin นี้จะมีการแบ็คอัพตามมูลค่าของสกุลเงินจริง 4 ประเทศตามที่กล่าวไปข้างต้น

เป้าหมายการสร้าง Stablecoin

การสร้างโปรเจ็ค Stablecoin นี้ขึ้นมาก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับการค้าระหว่างประเทศ, ลดต้นทุนของการที่จะต้องมาแปลงสกุลเงินของประเทศคู่ค้ามาเป็นสกุลเงินท้องถิ่น, เพิ่มความเร็วในการประมวลผลธุรกรรมและเป็นระบบทดสอบการใช้สกุลเงินดิจิตอลระหว่างประเทศ โดยคาดว่าการสร้างโปรเจ็คนี้ขึ้นมาจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจซบเซาจากโรคระบาดโควิด-19 ด้วย
สกุลเงิน stablecoin นี้เป็นโปรเจ็คแยกต่างหากจากเงินหยวนดิจิตอลซึ่งโปรเจ็คนี้สร้างขึ้นมาก็เพื่อเป็นตัวทดสอบด้วยว่าการใช้ stablecoin ในการค้าระหว่างประเทศนั้นจะทำให้การซื้อขายสะดวกขึ้นด้วยหรือไม่ ซึ่งจะมีการทดสอบโปรเจ็คนี้ใน Sandbox ระหว่างประเทศฮ่องกงและจีนก่อน

https://siamblockchain.com/2020/05/22/china-proposed-stablecoin-for-east-asia/

สรุปเรื่อง "หยวนดิจิทัล" แบบเข้าใจง่ายๆ

สรุปเรื่อง "หยวนดิจิทัล" แบบเข้าใจง่ายๆ พฤษภาคม 22, 2020
ตั้งแต่จีนเริ่มปฏิรูปเศรษฐกิจในยุค เติ้ง เสี่ยวผิง ในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 ทำให้เศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรมจีนขยายตัวเรื่อยมา จนขึ้นชื่อว่าเป็นโรงงานของโลก
ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ขึ้น และเติบโตแข็งแกร่ง ทำให้เงินสกุลหยวนของจีนมีความสำคัญมากขึ้น จนในปี 2015 IMF ได้รับรองให้หยวนเป็นสกุลเงินที่ 5 ที่ได้บรรจุในตะกร้า SDRs หรือตะกร้าเงินสำรองระหว่างประเทศ

ปัจจุบัน จีนในยุค สี จิ้นผิง มีวิสัยทัศน์พาจีนก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและก้าวเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับเงินหยวนอีกครั้ง ด้วยการพยายามเปลี่ยนให้เงินหยวนเป็นเงินดิจิทัลสกุลแรกของโลก
หยวนดิจิทัล” มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ
หยวนดิจิทัล ถูกพัฒนาโดยกลุ่มวิจัย Digital Currency Research Institute ที่ร่วมกันก่อตั้งโดยรัฐบาลและเอกชนในปี 2017
หยวนดิจิทัลมีลักษณะเป็น Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกและควบคุมโดยธนาคารกลาง
หยวนดิจิทัลเป็นรูปแบบ Stable Coin คือมูลค่าจะถูกหนุนหลังด้วยเงินหยวนในอัตราส่วน 1:1 หมายความว่าทุกการออกเงิน 100 หยวนดิจิทัล จะต้องมี 100 หยวนเก็บไว้ในบัญชีธนาคารกลางของจีนเสมอ
กระเป๋าที่ใช้เก็บหยวนดิจิทัล คือแอปพลิเคชันที่ต้องดาวน์โหลดลงมือถือของแต่ละคนโดยไม่ต้องผูกกระเป๋ากับบัญชีธนาคาร ซึ่งต่างจากแอปพลิเคชันในการจ่ายเงินอื่นในจีน เช่น WeChat หรือ Alipay ที่ต้องผูกกับบัญชีธนาคาร
หรือพูดให้เข้าใจง่าย คือการย้ายกระเป๋าเงินจากโลกปัจจุบันไปไว้ในโลกออนไลน์แทน
จุดเด่นอีกเรื่องที่สำคัญคือ การรับ-จ่ายเงินแบบออฟไลน์ ในขณะที่มือถือไม่ได้เชื่อมสัญญาณอินเทอร์เน็ต ระบบจะใช้เทคโนโลยี Near Field Communication (NFC) ในการจับคู่อุปกรณ์และรับส่งข้อมูลธุรกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นในขณะออฟไลน์ คล้ายกับการแตะบัตรจ่ายเงินตาม BTS หรือศูนย์อาหาร และส่งข้อมูลเข้าระบบอีกครั้งในภายหลังเมื่ออุปกรณ์มีสถานะออนไลน์
การควบคุมปริมาณเงิน และตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติเป็นอำนาจหน้าที่ของธนาคารกลางของจีน (PBOC) โดยการนำเงินหยวนดิจิทัลเข้าระบบจะเริ่มส่งกระจายผ่านธนาคารพาณิชย์หลัก 4 แห่ง คือ ICBC, CCB, ABC และ BOC ที่จะมีแอปพลิเคชันให้ดาวน์โหลด e-wallet ส่วนภาคเอกชนอย่าง WeChat หรือ Alipay ก็มีช่องทางการใช้หยวนดิจิทัลในแอปพลิเคชันของตัวเอง
ระบบที่ดูแลเชื่อมต่อธุรกรรมทางการเงินเป็นเทคโนโลยี Blockchain ที่อาจใช้ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นๆ ที่ส่งเสริมให้การกำกับดูแลของธนาคารกลางมีความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งสวนทางกับแนวคิดของสกุลเงินดิจิทัลอื่นที่เน้นการใช้ Blockchain เพียงอย่างเดียวเพื่อลดการแทรกแซงจากองค์กรต่างๆ เช่น รัฐบาล หรือธนาคารกลาง
หยวนดิจิทัลอยู่ในช่วงการทดสอบใน 4 เขตพื้นที่พิเศษ คือ ซูโจว เซินเจิ้น สงอัน และ เฉิงตู โดยมีการทดลองจ่ายเงินเดือนข้าราชการ พนักงานบริษัทบางส่วนเป็นหยวนดิจิทัล และให้ประชาชนนำไปใช้จ่ายตามร้านค้าที่เข้าร่วมการทดสอบในพื้นที่ เช่น McDonald, Subway, Starbucks
โดยภาพรวม จีนไม่ได้พยายามสร้างสกุลเงินใหม่ขึ้นมา แต่เป็นการพัฒนาโครงสร้างระบบการชำระเงินใหม่ที่รัฐบาลตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ง่ายขึ้นในโลกดิจิทัล
และด้วยการระบาดของ Covid-19 ในปัจจุบัน คนกังวลเรื่องการใช้ธนบัตรหรือการสัมผัสกันทางอ้อมมากขึ้น ก็ยิ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมผลักดันให้คนเริ่มใช้หยวนดิจิทัลได้ง่ายขึ้น
ท่ามกลางความสนใจของธนาคารกลางหลายประเทศที่กำลังศึกษาวิจัยสกุลเงินดิจิทัล รวมถึงภาคเอกชนอย่างเช่น สกุล Libra ของ Facebook ที่กำลังเดินหน้าในเรื่องนี้ ยิ่งน่าสนใจว่าหยวนดิจิทัลจะสามารถประกาศใช้อย่างเป็นทางการทั่วประเทศได้เมื่อใด
ต้องติดตามกันต่อไปว่า หยวนดิจิทัลจะเป็นที่แพร่หลายและแผ่อำนาจไปตามยุทธศาสตร์ One Belt, One Road ของจีนที่เน้นการลงทุนตามเส้นทางสายไหมในประเทศตั้งแต่โลกตะวันออกทอดยาวไปตะวันตกได้มากแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้
กระเป๋าสตางค์อาจไม่จำเป็นแล้วสำหรับคนจีนก็เป็นได้..



วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

หนึ่งในแม่ทีมแชร์ลูกโซ่ “Plus Token” เข้าสู่การพิจารณาข้อหาอาญาในประเทศจีนแล้ว


หนึ่งในแม่ทีมแชร์ลูกโซ่ “Plus Token” เข้าสู่การพิจารณาข้อหาอาญาในประเทศจีนแล้ว   ข่าว :พฤษภาคม 23, 2020
หนึ่งในผู้นำของโครงการแชร์ลูกโซ่ Plus Token ซึ่งเป็นโครงการหลอกลวงที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมเงินดิจิตอล กำลังเผชิญกับข้อหาทางอาญาในประเทศจีน
ตามที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า นาย โจว ซึงเป็นหนึ่งในแม่ทีมโครงการกำลังจะเผชิญหน้ากับอัยการในศาลของ Jianhu County เมืองเหยียนเฉิง มณฑลเจียงซู 
นาย โจว นั้นมีการเผยแพร่และส่งเสริมโครงการ PlusToken wallet App ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับฝากสกุลเงินดิจิตอลหลอกลวง ผ่านทาง Wechat และช่องทางอื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ต
โดยเค้านั้นสามารถหลอกลวงเหยื่อได้สูงถึง 1.9 ล้านคนเลยทีเดียว

โครงการ Ponzi

ตามที่หน่วยงานท้องถิ่นระบุว่า PlusToken wallet นั้นเป็นแอพสำหรับเก็บ cryptocurrency แต่อนุญาตให้มีการหาสมาชิก โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูง หากสามารถดึงนักลงทุนคนอื่น ๆ เข้ามาได้
ตำรวจท้องที่กล่าวว่าพวกเขาได้รับรายงานเกี่ยวกับการหลอกลวงตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว โดยอธิบายว่า:
“แพลตฟอร์มดังกล่าวอ้างว่ามีฟังก์ชั่นของการขุด crypto และมีการหลอกให้จ่ายค่าสมาชิกด้วย cryptocurrencies เช่น Bitcoin, Ethereum, EOS และอื่น ๆ เพื่อรับรายได้ที่มากขึ้น”

 https://bitcoinaddict.org/2020/05/23/plus-token-leadership-faces-criminal-prosecution-in-china/

“หยวนดิจิตอลปลอม” โผล่!! เสนอผลตอบแทนสูง พร้อมแอบอ้างรัฐบาลจีน

 “หยวนดิจิตอลปลอม” โผล่!!เสนอผลตอบแทนสูง พร้อมแอบอ้างรัฐบาลจีน   ข่าว : พฤษภาคม 23 2020
วันเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ “หยวนดิจิตอล” ยังคงถูกเก็บไว้เป็นความลับ และนั่นทำให้นักต้มตุ๋นใช้เป็นช่องทางในการแอบอ้างหยวนดิจิตอล”ปลอม” โดยหวังที่จะหลอกลวงนักลงทุนที่ไม่ระวัง
แถลงการณ์เมื่อเร็ว ๆนี้ที่ออกโดยบริษัท ที่ชื่อว่า Yuan Pay Group กล่าวถึงการเปิดตัว “e-Yuan” ซึ่งเป็นสกุลเงินที่อ้างว่าจะช่วยให้รัฐบาลจีนสามารถใช้ smart contracts “เพื่อติดตามสินทรัพย์และหนี้สินและเพื่อให้มั่นใจว่าสินเชื่อหลายรายการไม่ได้ยึดอยู่กับหลักประกันเดียวกัน”
“จำนวนเงินของสกุลเงินนี้ถูกควบคุมโดยรัฐบาล และมีเพียงโบรกเกอร์และธนาคารที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะสามารถขายสกุลเงินดิจิตอลได้ในตอนแรก” ข้อความในประกาศหลอกลวงระบุ
ที่หน้าเว็บไซต์ของ Yuan Pay Group มีการโฆษณา “โปรโมชั่นพิเศษ” และมีการสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูง นอกจากนี้ยังมีลิงก์ช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่ด้านบนและด้านล่างของเว็บซึ่งกดเปิดไม่ได้เลยซักอัน
ในส่วนของความเห็นของสื่อต่าง ๆ มีการใช้ photoshopped ตกแต่งข้อความของนิตยสาร Forbes โดยพาดหัวว่า “เหรียญ Crypto ของจีนที่จะมาโค่นสกุลเงินดอลลาร์”
นอกจากนี้ บริษัทแอบอ้างว่ามี “ใบอนุญาตซื้อขายสินทรัพย์ดิจิตอลอย่างเป็นทางการและได้รับการยืนยันแล้ว” ซึ่งเราก็ทราบกันดีว่าการซื้อขายสกุลเงินดิจิตอลในประเทศจีนนั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2017 แล้วจะมาออกใบอนุญาตให้บริษัทได้ไง

วันเปิดตัวของ CBDC อย่างเป็นทางการของจีนยังไม่มีกำหนด

โครงการหยวนดิจิทัลซึ่งดำเนินการโดยธนาคารประชาชนจีนได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2018 โดยในปี 2019  มีรายงานว่ามีการเร่งพัฒนาให้เร็วขึ้นเนื่องจากมีการประกาศเปิดตัว cryptocurrency Libra จาก Facebook
ในเดือนมีนาคม 2020 สื่อรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศจีนได้เสร็จสิ้นการพัฒนาฟังก์ชั่นพื้นฐานของสกุลเงินดิจิตอลและขณะนี้กำลังร่างกฎหมายที่จะอนุญาตให้มีการนำไปใช้งาน
และในเดือนเมษายน ก็มีการเปิดทดสอบโครงการนำร่องในเมืองเซินเจิ้น ซูโจว สงอันและเฉิงตูและในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
ส่วนการเปิดตัวหยวนดิจิตอลอย่างเป็นทางการนั้นยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สรุปประเด็นสำคัญ ‘ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน’ วันนี้





การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) เปิดฉากขึ้นวันแรก 22 พ.ค. 2563 ในกรุงปักกิ่ง (ภาพ: รอยเตอร์)ข่าวต่างประเทศ

คณะผู้นำจีนได้จัดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) หรือ “ฉวนกั๋วเหรินต้า” ชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 ในวันนี้ โดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และผู้นำจีนคนอื่นๆ เข้าร่วมในการประชุมดังกล่าว ซึ่งจัดขึ้น ณ มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ทั้งนี้ การประชุม NPC มีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 22-28 พ.ค.2020

สำหรับรายงานที่รัฐบาลจีนได้ยื่นเสนอต่อที่ประชุม NPC เพื่อทำการพิจารณาในวันนี้ ประกอบไปด้วยประเด็นต่างๆ หลายประเด็นด้วยกัน ซึ่งได้แก่ :
  • จีนระงับการกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำปี 2563 และยืนยันที่จะเพิ่มการใช้จ่ายและการปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ
  • แม้เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวที่ติดลบในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่รัฐบาลจีนระบุว่าเป็นราคาที่คุ้มค่าที่จะจ่ายเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากชีวิตประชาชนเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง
    -จีนวางแผนออกพันธบัตรรัฐบาลสกุลเงินหยวนวงเงิน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.41 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อระดมทุนสำหรับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
  • จีนกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อด้านผู้บริโภคหรือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สำหรับปี 2563 ที่ราวระดับ 3.5%
  • จีนจะให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการรักษาเสถียรภาพการจ้างงานและสร้างความมั่นคงด้านการดำรงชีวิตของประชาชนในปีนี้ โดยตั้งเป้าที่จะสร้างงานใหม่ในเขตเมืองมากกว่า 9 ล้านตำแหน่ง
  • จีนจะสร้างเสถียรภาพด้านการค้าต่างประเทศต่อไป และเพิ่มบทบาทของเงินทุนต่างประเทศ รวมไปถึงการปรับลดรายการธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน (negative list) ลงอย่างมากด้วย
  • จีนจะยังคงปรับลดอัตราการขยายตัวของงบประมาณด้านกลาโหม ลงสู่ระดับ 6.6% ในปี 2563 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยอัตราการขยายตัวของงบประมาณด้านการทหารของปีนี้ ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับ 7.5% ในปี 2562
  • จีนจะยกระดับการพัฒนาระบบสาธารณสุข โดยมุ่งเน้นปรับปรุงระบบการรายงานโดยตรงและการแจ้งเตือนล่วงหน้าเกี่ยวกับโรคติดเชื้อ, เพิ่มการใช้จ่ายในด้านวัคซีน เวชภัณฑ์ และเทคโนโลยีการทดสอบที่รวดเร็ว, เพิ่มห้องปฏิบัติการเคลื่อนที่, เสริมความแข็งแกร่งในการจัดหาวัสดุฉุกเฉิน และอื่นๆ
  • จีนวางแผนที่จะสนับสนุนการผลิตด้านเกษตรกรรม โดยจะเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกมาตรฐานสูงอีก 5.33 ล้านเฮกตาร์ เพื่อให้มั่นใจว่าจีนจะสามารถจัดหาอาหารที่เพียงพอให้กับประชาชน 1.4 พันล้านคนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาต่างชาติ
  • จีนจะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและมาตรฐานการใช้ชีวิตของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง (HKSAR) และมาเก๊า โดยรัฐบาลจีนจะช่วยให้ฮ่องกงและมาเก๊าบูรณาการการพัฒนาของตนเองเข้ากับการพัฒนาโดยรวมของจีนได้ดีขึ้น และช่วยให้เขตบริหารพิเศษทั้งสองสามารถเติบโตและมีเสถียรภาพได้ในระยะยาว
  • กองกำลังติดอาวุธของจีนจะปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงความมั่นคงและผลประโยชน์ที่มีต่อการพัฒนา โดยจะปฏิบัติตามคำสั่งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) และรับผิดชอบด้านการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • ทหารจีนจะยึดถือความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) เหนือกองทัพ ปฏิรูปการป้องกันประเทศและกองทัพ และส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับการป้องกันประเทศ
  • จีนจะจัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่อง (FTZ) และเขตคลังสินค้าทัณฑ์บนแบบบูรณาการ (Integrated Bonded Area) แห่งใหม่ในพื้นที่ทางตอนกลางและทางตะวันตกของประเทศ
  • จีนจะเดินหน้าส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาของภาคเอกชน และสร้างความเชื่อมั่นว่าธุรกิจเอกชนจะสามารถเข้าถึงปัจจัยการผลิตและการสนับสนุนด้านนโยบายได้อย่างเท่าเทียม
  • จีนจะเดินหน้าผลักดันแนวคิดริเริ่ม Internet Plus อย่างเต็มรูปแบบ และสร้างจุดแข็งสำหรับการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัล
สำหรับประเด็นฮ่องกงนั้น จีนเสนอกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ฮ่องกงต้องดำเนินการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับย่อซึ่งเป็นกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกงเอง
กฎหมายใหม่ดังกล่าวจะให้อำนาจรัฐสภาของจีนในการจัดทำกรอบกฎหมาย และบังคับใช้กลไกทางกฎหมายเพื่อป้องกันและลงโทษการกบฎ, การก่อการร้าย, การแบ่งแยกดินแดน และการแทรกแซงของต่างชาติ หรือการกระทำใดๆ ที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ นายหวัง เฉิน รองประธานคณะกรรมาธิการประจำสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ได้อธิบายเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวในที่ประชุม NPC ครั้งที่ 13 ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 จนถึงวันที่ 28 พฤษภาคม
นายหวังกล่าวว่า นับตั้งแต่ฮ่องกงกลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของจีน จีนได้ใช้หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”, “ชาวฮ่องกงปกครองฮ่องกง” และการให้อำนาจระดับสูงในการปกครองตนเอง
เอกสารของนายหวังระบุว่า หลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในฮ่องกง

แต่ความเสี่ยงด้านความมั่นคงที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในฮ่องกงได้กลายเป็นปัญหาที่สำคัญ โดยระบุถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นการท้าทายอย่างรุนแรงต่อหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ”, เป็นภัยต่อกฎหมาย และคุกคามอำนาจอธิปไตยของชาติ ตลอดจนผลประโยชน์ด้านความมั่นคงและการพัฒนา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดำเนินมาตรการตามกฎหมายเพื่อป้องกัน, ยับยั้ง และลงโทษกิจกรรมเหล่านั้น
มาตรา 23 ของกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกงกำหนดว่า ฮ่องกงจะออกกฎหมายของตนเองเพื่อห้ามการก่อกบฎ, การแยกตัว, การจลาจล, การโค่นล้มรัฐบาล, การจารกรรมความลับของรัฐบาล, การห้ามองค์กรหรือหน่วยงานด้านการเมืองต่างชาติจากการจัดกิจกรรมทางการเมืองในฮ่องกง และห้ามองค์กรหรือหน่วยงานทางการเมืองของฮ่องกงจากการสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรหรือหน่วยงานทางการเมืองของต่างชาติ
นับเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วหลังจากที่ฮ่องกงกลับมาอยู่ภายใต้จีน แต่กฎหมายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวยังไม่ถูกกำหนดขึ้น เนื่องจากการก่อวินาศกรรม และการขัดขวางของผู้ที่พยายามจะสร้างปัญหาในฮ่องกงและจีน
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของฮ่องกงในปัจจุบัน จึงจำเป็นต้องมีความพยายามในระดับรัฐเพื่อสร้างและปรับปรุงระบบกฎหมายและกลไกการบังคับใช้สำหรับฮ่องกงเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะที่ไร้การป้องกันในระยะยาวในด้านความมั่นคงของชาติ
กฎหมายนี้จะช่วยพัฒนาการสร้างสถาบันเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติตามรัฐธรรมนูญของจีนและกฎหมายพื้นฐานของฮ่องกง, ช่วยเสริมสร้างการทำงานเพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติ และสร้างความมั่นใจว่าการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนตามหลัก “หนึ่งประเทศ สองระบบ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ค. 63)

ขอบคุณแหล่งข้อมูล https://www.infoquest.co.th/2020/19097