“หยวนดิจิตอล” (DCEP) ของจีนคืออะไร
ทำไมจีนถึงให้ความสำคัญกับโครงการนี้มาก
หยวนดิจิตอล (Digital Yuan :DCEP) ของจีนกำลังใกล้เข้ามา โดยจากรายงานล่าสุดที่บอกว่าโทเค็นจะเปิดทดสอบใน 4 เมืองในเดือนหน้า รวมถึงการเข้าร่วมของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนในด้านงานวิจัยของโทเค็น สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าโครงการนี้มีความสำคัญขนาดไหน
DCEP ของจีนคืออะไร
หยวนดิจิตอล (DCEP) เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถใช้งานได้ผ่านแอพกระเป๋าเงิน ด้วยการผูกกับสกุลเงินประจำชาติของจีนคือ Renminbi (RMB) แบบ 1: 1 แตกต่างจาก cryptocurrencies ทั่วไปเนื่องจากเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังโทเค็นนี้ไม่ใช่ blockchain แต่เป็นเทคโนโลยีที่มีความหลากหลาย เพราะเทคโนโลยี blockchain ทำความเร็วได้ช้าเกินไป
สกุลเงินจะแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ประเภทที่จะใช้ในเชิงพาณิชย์คือเพื่อการค้าปลีกและการใช้งานแบบวันต่อวัน ประเภทที่สองใช้สำหรับการโอนเงินภายในธนาคาร เนื่องจากระบบปัจจุบันนั้นช้าเกินไป และคาดว่าสกุลเงินใหม่นี้จะช่วยแก้ไขปัญหาได้
ใครเป็นคนสร้างสกุลเงิน
สร้างขึ้นโดยธนาคารของจีน ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศจีน (People’s Bank of China) ผ่านกลุ่มการวิจัยที่มีชื่อว่า Digital Currency Research Institute ซึ่งพวกเขาก่อตั้งขึ้นในปี 2017 นำโดย Changchun Mu รวมทั้งสมาชิกกว่า 996 คนของสถาบัน
นอกจากนี้ก็ยังมีธนาคารของรัฐอื่น ๆ ทั้งหมด ที่เชื่อมโยงกับหยวนดิจิตอล รวมทั้งยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alipay และอีก 22 บริษัท เช่น Tencent, Huawei และ China Merchants Bank โดยได้ช่วยในการวิจัยและการดำเนินการ
ทดสอบที่ไหน
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น สกุลเงินนี้จะถูกทดสอบใน 4 เมืองทั่วประเทศจีน ได้แก่ เซินเจิ้น สงอัน เฉิงตูและซูโจว โดยใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน การทดสอบจะเริ่มขึ้นในซูโจวในเดือนพฤษภาคมโดยเจ้าหน้าที่เมืองซูโจวจะได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงค่าเดินทาง 50% เป็นเงินหยวนดิจิตอลในเดือนพฤษภาคม ขณะที่เมืองสงอัน จะมีการมุ่งเน้นการทดสอบในร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ เช่น McDonald , Starbucks นอกจากนี้ยังคาดว่าปักกิ่งและ Zhangjiakou คาดว่าจะเป็นเมืองต่อไปที่ได้เริ่มทดสอบ
สถาบันนำร่อง
มีสถาบันหลายแห่งที่จะนำร่องโทเค็นบนแพลตฟอร์มของตนเอง โดยจะเริ่มที่ธนาคารของรัฐได้แก่ China Construction Bank, ธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งประเทศจีน, ธนาคารแห่งประเทศจีนและธนาคารเพื่อการอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ของจีน รวมถึงบริษัทโทรคมนาคมที่กำลังทดสอบเช่น China Mobile, China Telecom และ China Unicom
สามารถใช้สกุลเงินนี้ได้ที่ไหน
เนื่องจากมันเป็นโทเค็นที่สามารถใช้งานได้ในร้านค้าปลีก ดังนั้นบริษัทต่างๆจึงสามารถเข้าร่วมได้ โดยล่าสุดนั้นมีถึง 19 ร้านค้าที่เข้าร่วมทดสอบ เช่น McDonald , Subway และ Starbucks โดยในอนาคตจะมีการรวมหยวนดิจิตอลเข้ากับ การขนส่ง การศึกษาและบริการทางการแพทย์
วิธีใช้ DCEP
บริษัทยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ของจีน ยืนยันว่าผู้ใช้รายย่อยนั้นสามารถเข้าถึงโทเค็นได้ โดยรัฐบาลจีนได้ประกาศว่าผู้ให้บริการชำระเงินทุกรายเช่น Apple pay , Wechat และ Alipay จะต้องรองรับ DCEP ในระบบของตน นอกจากนี้ Huawei ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมการใช้โทเค็น โดยเคยมีข่าวลือหลุดมาว่าจะรองรับบนแอป Huawei Pay
แอพ Wallet
ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ DCEP จะมีแอพกระเป๋าเงินของตัวเอง แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากมาย ก่อนจะถึงการทดสอบอย่างเป็นทางการ แต่ภาพหน้าจอที่รั่วไหลออกมาจากแอพของธนาคารเกษตรแห่งประเทศจีนนั้น ก็เผยให้เห็นคุณสมบัติบางอย่าง และยังมีภาพของแอปธนาคารแห่งประเทศจีนและสถาบันการชำระเงินอื่น ๆ ที่รั่วไหลไหลออกมาบนโซเชียลมีเดีย
จากภาพหน้าจอกระเป๋าเงิน DCEP พบว่ามีการรองรับฟังก์ชั่นที่สำคัญหลายอย่าง เช่น การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิตอล , การจัดการกระเป๋าเงิน , การค้นหาธุรกรรมที่ผ่านมาในอดีต และฟังก์ชั่นอื่น ๆ รวมถึงการชำระเงินผ่านรหัส QR , การโอนเงินและรองรับ NFC
คุณสมบัติอื่น ๆ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่กระเป๋าเงินมี คือการใช้ตัวเลือกการชำระเงินแบบ NFC (near field communication) ซึ่งไม่ต้องการอินเตอรเน็ตในระหว่างการถ่ายโอน ไม่เพียงเท่านั้นรายงานยังแนะนำว่าอาจไม่จำเป็นต้องมีบัญชีธนาคาร ในการถือสกุลเงินหยวนดิจิตอลแม้ว่าจะยังไม่ได้รับการยืนยัน
ทำไมจีนถึงสร้าง DCEP
จีนมีการวิจัยเกี่ยวกับสกุลเงินที่มาหลายปี รวมถึงการได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากผู้นำสูงสุดอย่าง สีจินผิง ที่ได้พูดในการประชุมเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยบอกกับสมาชิกพรรคว่าเขาต้องการให้จีนขึ้นเป็นผู้นำในด้าน Blockchain เพื่อให้ได้เปรียบเหนือประเทศสำคัญอื่น ๆ
ขณะที่ ผู้นำสถาบันวิจัยสกุลเงินดิจิตอลก็ให้เหตุผลในการสร้างสกุลเงินว่า: “เพื่อปกป้องอธิปไตยทางการเงินและสถานะทางการเงินของเรา เราต้องวางแผนสำหรับในช่วงคับขัน”
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การท้าทายโดยตรงกับการครอบงำของดอลลาร์สหรัฐฯ และหวังว่าพวกเขาจะสามารถพลิกขึ้นเป็นผู้นำในด้านนี้ก่อนที่สหรัฐฯจะสามารถคิดได้ นี่เป็นความหวาดกลัวของ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ที่เคยพูดถึงข้อกังวลนี้ในการประชุมกับรัฐสภาที่เกี่ยวกับ Libra
อนาคตของ DCEP
หยวนดิจิตอล แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของจีนและจะเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่ออำนาจของสหรัฐฯ ซึ่งมีการคาดกาณ์ว่าโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งโครงการเส้นทางสายไหมของจีน ซึ่งมีเป้าหมายไปที่ 70 ประเทศทั่วโลก ซึ่งอาจสร้างความกังวลให้แก่สหรัฐอเมริกาคืมากขึ้น หากฝ่ายตรงข้ามหันไปใช้ cryptocurrencies จากจีนตัวนี้