"เด็กดาวน์ซินโดรม" เรียนหนังสือในโรงเรียนปกติได้หรือไม่ได้ แต่ต้องเลือกโรงเรียนที่มีนโยบายรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษเข้าเรียนร่วม การส่งเด็กดาวน์ซินโดรมเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติในระดับก่อนประถมศึกษาเป็นเรื่องที่เหมาะสมเพราะเน้นพัฒนาการในหลาย ๆ ด้าน มิใช่แต่เน้นวิชาการเท่านั้น แต่เมื่อขึ้นระดับประถมศึกษาแล้ว เนื้อหาวิชามากขึ้น การประเมินผลแยกย่อยมากขึ้น ทำให้เด็กดาวน์ซินโดรมมักไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ โรงเรียนที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องเป็นโรงเรียนใหญ่ หรือมีชื่อเสียง อาจจะเป็นโรงเรียนขนาดเล็กที่ครูและผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่กว้าง เข้าใจ เสียสละ มีนักเรียนไม่มากนัก โรงเรียนที่มีการใช้ระบบการเรียนการสอนสำหรับเด็กกลุ่มนี้ควรใช้แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (IEP) มักเหมาะสมกับเด็กกลุ่มนี้ แต่ต้องได้รับความสนใจจากครู วิธีการสอนต้องมีการเน้นย้ำและแยกย่อยจากง่ายไปยาก (Task Analysis) ที่สำคัญครูต้องมีความอดทน ผู้ปกครองและครูต้องช่วยกันเพื่อให้เด็กมีพัฒนาการให้เหมาะสม
ก่อนนำ"เด็กดาวน์ซินโดรม" เข้าสู่ระบบโรงเรียนควรมีการเตรียมการอย่างไร ผู้ปกครอง "เด็กดาวน์ซินโดรม" ควรเตรียมให้เด็กได้รับการส่งเสริมพัฒนาการตั้งแต่แรกเริ่ม (Early Intervention) ซึ่งเด็กจะได้รับการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ด้านร่างกาย-ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ กล้ามเนื้อมัดเล็ก ด้านการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหาร การรักษาความสะอาด และการขับถ่าย ด้านสติปัญญา และภาษา - ควรฝึกให้เด็กฟังและปฏิบัติตามคำสั่ง และสอนคำศัพท์ที่ควรทราบ ถ้าเป็นไปได้ควรมีการสื่อสารกับผู้อื่นได้บ้างก่อนเข้าสู่ระบบโรงเรียน ด้านอารมณ์และสังคม - ควรฝึกให้เด็กรู้จักมีปฎิสัมพันธ์ต่อผู้อื่น เคารพกติกาสังคม รู้จักการรอคอย การแบ่งปัน และมีน้ำใจ
"เด็กดาวน์ซินโดรม" หรือ "เด็กปัญญาอ่อน" ควรเข้าเรียนเมื่ออายุเท่าไร
ไม่มีข้อกำหนดขึ้นอยู่กับความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว
และที่สำคัญคือ ควรให้เด็กมีความพร้อมพื้นฐาน
เช่น เดินได้ รับประทานอาหารเองได้ ควบคุมการขับถ่ายได้
และมีความเข้าใจภาษาบ้างแม้ว่าจะพูดไม่ชัด แต่สื่อสารกับครูและเพื่อนได้เข้าใจ
ถ้าเด็กมีความพร้อม พื้นฐานเหล่านี้แล้วสามารถนำนักเรียนเข้าเรียนในระดับอนุบาลได้
ในห้องเรียนที่มี "เด็กดาวน์ซินโดรม"
และเด็กพิการประเภทอื่นอยู่ร่วมกัน ควรจัดการเรียนการสอนอย่างไรดี...?
ที่จริงแล้วในห้องเรียนหนึ่งไม่ควรมีเด็กที่มีความต้องการพิเศษหรือเด็กพิการมากกว่า
1-2คน แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้
การจัดการเรียนการสอนควรเป็นกลุ่มเล็ก (Small
Group) จัดชั้นเรียนเป็นมุมให้นักเรียนมีอิสระในการเรียนรู้ ค้นคว้า ต้องสร้างความสนใจด้วยกิจกรรมและสื่อการสอน
มีการเสริมแรงสม่ำเสมอ ครูต้องดูในจุดเด่นจุดด้อยของเด็กแต่ละคน
แล้วส่งเสริมให้ถูกทาง ครูต้องมีความอดทน
เสียสละ และหาความรู้ในอาการ
ข้อจำกัดที่เด็กมีและความต้องการของเด็กแต่ละประเภทอยู่เสมอ
ลูกเป็น
"เด็กดาวน์ซินโดรม" เคยเรียนร่วมในโรงเรียนปกติมักได้รับปฏิกิริยาต่อต้านจากผู้ปกครองเด็กปกติ
ควรทำอย่างไร เป็นเรื่องปกติที่จะพบประสบการณ์เช่นนี้ในสังคมไทย การที่มีผู้แสดงปฏิกิริยาดังกล่าวเนื่องจาก "ความไม่รู้จริง" ของผู้นั้นคิดว่าความพิการเป็นสิ่งน่าสังเวช
น่ารังเกียจ และอาจติดต่อคล้ายโรคติดต่อ
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับความพิการ หรือความผิดปกติต่าง ๆ เป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องทั้งการแพทย์
การสาธารณสุข และการศึกษาที่จะเปิดวิสัยทัศน์และทัศนคติเกี่ยวกับความพิการแก่คนในสังคมให้กว้างขวางกว่าที่เป็นอยู่
และภาพพจน์ของผู้พิการที่สำแดงออกมาสู่สาธารณชนนั้น ควรก่อให้เกิดกำลังใจมากกว่าให้เกิดความสมเพชเวทนา
ถ้าผู้ปกครอง "เด็กดาวน์ซินโดรม"
จะนำเด็กเข้าเรียนร่วมกับเด็กปกติ ควรจะต้องศึกษาก่อนนำลูกเข้าเรียนว่าโรงเรียนนั้นมีนโยบายรับเด็กพิการเรียนร่วมกับเด็กปกติหรือไม่
ถ้าไม่มีนโยบายนั้นก็ควรเปลี่ยนโรงเรียนให้เหมาะสม แต่ถ้าโรงเรียนยืนยันว่ามีนโยบายเรียนร่วม ผู้บริหารก็ควรทำความเข้าใจกับเด็กปกติและผู้ปกครอง
และขอความร่วมมือให้มีการปรับตัว เปิดวิสัยทัศน์
และทัศนคติที่มีต่อเด็กพิการให้ดีขึ้นอย่างไรก็ดี ผู้ปกครองเด็กดาวน์ซินโดรมต้องมีความหนักแน่นไม่หวั่นไหวต่อปฏิกิริยาของคนรอบข้าง
อีกทั้งควรจะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับอาการของลูกให้ชัดเจน
เพื่อสามารถอธิบายให้เป็นวิทยาทานแก่ผู้ไม่เข้าใจได้
"เด็กดาวน์ซินโดรม" หรือ "เด็กปัญญาอ่อน"
เรียนได้สูงสุดระดับใด
ความจริงแล้วความสามารถทางด้านวิชาการของเด็กดาวน์ซินโดรมนั้นมีข้อจำกัด
แต่ทั้งนี้ศักยภาพของเด็กและประสบการณ์ในการเลี้ยงดูไม่เหมือนกัน เป็นการยากที่จะกำหนดกฎเกณฑ์เป็นทฤษฎี ออกมาว่าเด็กดาวน์ซินโดรมเรียนได้สูงสุดแค่ไหน
ทั้งนี้ต้องดูลึกในประเภทของอาการดาวน์ ความพิการซ้ำซ้อน
การเลี้ยงดูของครอบครัว และเด็กได้รับการส่งเสริมการศึกษาแตกต่างกันไป
โดยทั่วไปเด็กดาวน์ซินโดรมมักจะได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษาตอนต้น
บางรายเรียนได้ระดับมัธยม หรืออาชีวศึกษา
แต่ปัจจุบันมีการศึกษานอกระบบ และการส่งเสริมการศึกษาตามครอบครัว
ชุมชน โฮมสกูล (Home
School) เด็กอาจจะได้รับการศึกษาถึงระดับอุดมศึกษาได้ แต่สถาบันนั้นต้องมีการปรับหลักสูตรให้ยืดหยุ่น
และเน้นทักษะวิชาให้เหมาะสมกับความถนัดของเด็กแต่ละบุคคล
ถึงอย่างไรผู้ปกครองไม่ควรคาดหวังว่าลูกที่มีความพิการเรียนได้ระดับสูง
เพราะค่านิยมที่ให้ความสำคัญกับใบปริญญามากกว่าประสบการณ์ในการดำรงชีวิต
การช่วยเหลือตนเอง ไม่เป็นภาระต่อผู้อื่น
บำเพ็ญตนเป็นคนดี เป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
และที่สำคัญคือผู้ปกครองควรยอมรับว่าแม้ว่ามีลูกเป็นดาวน์ซินโดรมก็สามารถทำให้ครอบครัวมีความสุข
มีความอบอุ่นได้ และทำประโยชน์ต่อสังคมได้
https://www.songkhlahealth.org/paper/361