ชิปปิ้งจีน กับการเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยี AI ไปจนถึงการใช้เงินสกุล Bitcoinหรือคริปโตเคอเรนซี(Cyptocurrency)
และการช็อปปิ้งออนไลน์
สิ่งต่างๆ
เหล่านี้ กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตของเราและความหมายของการเป็นมนุษย์
หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายสารสนเทศ (CIOs)
และผู้นำด้านไอที (IT Leader) จะต้องช่วยกันให้องค์กรของพวกเขาปรับตัวให้ทันในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงนี้
Gartner องค์กรที่มักติดตามเทรนด์และจัดลำดับเทคโนโลยีในหลายแง่มุม
มีการคาดการณ์ออกมาใหม่ถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นใน 2020-2025 เราจึงขอนำมาสรุปเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น
ดังต่อไปนี้
ปี
2023
1.
BYOD จะกลายเป็น BYOE
ในปี
2023 องค์กรด้านไอที 30% จะขยายนโยบาย BYOD (Bring your Own Device หรือการนำเอาอุปกรณ์ไอทีส่วนตัวมาใช้ในที่ทำงาน)
ให้กลายเป็น BYOE หรือ Bring your Own Enhancement เพื่อเอามาช่วยเสริมกับแรงงานมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับเทคโนโลยีที่พอจะเป็นรูปเป็นร่างของ BYOE ในปัจจุบัน
เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ มีการใช้เครื่องมือเพื่อเพิ่มพูนความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน
เมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้น องค์กรต่างๆ
จะเริ่มพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ และเชื่อกันว่าในอนาคต
จะมีการต่อยอดเพิ่มขึ้นในอีกหลายด้าน
2.
การเข้าถึงของ AI เพิ่มสูงขึ้น
ภายในปี
2023 จำนวนคนพิการที่มีงานทำจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า
เนื่องจาก AI และเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่
เข้ามาช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึง อาทิ ในญี่ปุ่นร้านอาหาร
ได้สำรวจเทคโนโลยีหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้พนักงานที่เป็นอัมพาต
สามารถทำงานกับพนักงานเสิร์ฟหุ่นยนต์จากระยะไกลได้ นอกจากนี้ได้มีการผสมผสานรวมกันของเทคโนโลยีเครื่องอ่านอักษรเบลล์กับระบบการจองสำหรับพนักงานตาบอด
เป็นต้น
3.
กิจกรรมของคนทั่วโลก 40% จะถูกติดตามจาก IoB
ในปี
2023 ว่ากันว่า
กิจกรรมส่วนบุคคลจะถูกติดตามแบบดิจิทัล ซึ่ง ‘พฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ต’
(Internet of Behavior หรือ IoB) ของแต่ละบุคคลนั้น
สามารถบ่งบอกพฤติกรรมของผู้ใช้งานในรูปแบบดิจิทัลได้
และข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำมาใช้เพื่อวัดคุณค่าในการให้บริการ
แต่ก็มีประเด็นที่น่าห่วงตรงที่
จริยธรรมในการใช้ข้อมูลจะเป็นอย่างไรต่อไปในวันข้างหน้า
4.
แอปพลิเคชั่นธุรกิจสำหรับพนักงาน
ในปี
2023 จำนวน 40% ของแรงงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์การใช้แอปพลิเคชั่นทางธุรกิจ
จะถูกกำหนดให้มีการใช้ซอฟต์แวร์ที่สอดคล้องกับฟังก์ชั่นของงานได้อย่างเหมาะสมและเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากทุกวันนี้ องค์กรสร้างแอปพลิเคชั่นให้พนักงานทุกคนเหมือนๆ กันโดยไม่ได้คำนึงถึงหน้าที่ความรับผิดชอบ
5.
G7 สร้างการกำกับดูแลของ AI
ภายในปี
2023 สมาคมที่กำกับดูแลของ AI จะได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างน้อย 4 ประเทศในกลุ่มของ
G7 (หรือกลุ่มชาติผู้นำอุตสาหกรรมหลักของโลก ซึ่งมีทั้งหมด 7
ประเทศ) เนื่องจากเทคโนโลยี AI มีความเสี่ยงอย่างชัดเจน
ในหลายประเทศยักษ์ใหญ่
จึงตระหนักและมองเห็นความสำคัญของการร่างกฎหมายหรือมาตรการควบคุมอย่างจริงจังกับความผิดพลาดของ
AI ให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมที่ควรจะเป็น
6.
ระบบโครงข่ายข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีธุรกรรม
ที่รับรองความถูกต้องของข้อมูล
ปี
2023 Gartner เชื่อว่า 30% ของเนื้อหาข่าวสารและวิดีโอ จะถูกพิสูจน์ความจริงได้จากโครงข่ายข้อมูลหรือ
Blockchain เนื่องจากในหลายศตวรรษที่ผ่านมา
มีข่าวปลอมเกิดขึ้นมากมายอย่างต่อเนื่องและข้อมูลเหล่านี้
ถูกแพร่กระจายอออกไปอย่างรวดเร็วบนสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้มีอัตราการบิดเบือนข้อมูลสูงมาก
นอกจากนี้ ข่าวสารบนเทคโนโลยีดั้งเดิมจะถูกนำไปใช้ในการสร้างเสียงปลอมและวิดีโอ
อย่างไรก็ตาม องค์กรและรัฐบาลกำลังหันไปใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยจัดการกับข่าวปลอม
โดยใช้ Blockchain เพื่อรับรองความถูกต้องของการถ่ายภาพข่าวและวิดีโอ
ปี
2024
7.
การช็อปปิ้งออนไลน์เป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง
ภายในปี
2024 องค์การอนามัยโลก
ระบุว่าบุคคลที่รักการช็อปปิ้งออนไลน์นั้นถือเป็นการติดยาเสพติดชนิดหนึ่งเลยทีเดียว
เนื่องจากความก้าวหน้าทางธุรกิจดิจิทัลที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ
และยิ่งเทคโนโลยีมีความสลับซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น
นักการตลาดย่อมสามารถคาดการณ์สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการได้อย่างแม่นยำ
ทำให้มีวิธีกำหนดราคาผลิตภัณฑ์และช่องทางในการเข้าถึงของผู้บริโภค
ชิปปิ้งจีนก็ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนี้ด้วยเช่นกัน
8.
อารมณ์และความรู้สึกกลายเป็นแรงผลักดันต่อโฆษณา
ในปี
2024 Gartner ระบุว่า
อารมณ์ความรู้สึกของผู้คนจะส่งผลต่อโฆษณาออนไลน์มากกว่าครึ่งหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยวิวัฒนาการความฉลาดทางอารมณ์ของธุรกิจ AI ที่สามารถตรวจจับและทราบถึงภาวะอารมณ์ของผู้บริโภค
จึงนำผลประมวลนี้มาใช้ในการออกแบบโฆษณาเพื่อนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น
ปี
2025
9.
เงินดิจิทัลมือถือเพิ่มขึ้น
ปี
2025 ผู้ใช้สมาร์ทโฟนกว่า 50% จะไม่มีบัญชีธนาคาร
แต่จะมีบัญชีเงินดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงบนสมาร์ทโฟนได้
ถือเป็นการตลาดและแพลตฟอร์มสื่อสังคมที่เริ่มสนับสนุนการเข้าถึงรหัสการชำระเงินออนไลน์
นอกจากนี้ บัญชีเงินดิจิทัลยังช่วยพัฒนาทางด้านการพาณิชย์และธุรกิจ E-Commerce
เช่น ร้านค้าออนไลน์ ชิปปิ้งจีน ฯลฯ ควบคู่กันไปอีกด้วย
10.
มีการถือกำเนิดของ Cryptocurrency บนมือถือ
Bitcoin เป็นสกุลเงินแรกของโลกที่ถูกเรียกว่า
Cryptocurrency ซึ่ง Bitcoin ก็คือสกุลเงินในรูปของดิจิทัล
ถูกสร้างขึ้นมาด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ไม่มีใครเป็นเจ้าของ Bitcoin ไม่มีรูปร่าง ไม่สามารถจับต้องได้เหมือนธนบัตรหรือเหรียญเงินบาท ในอนาคต
จึงคาดการณ์กันว่าจะมีการจัดตั้ง Cryptocurrency เพื่อการใช้จ่ายจริงจังขึ้น
และในอีก 6 ปีข้างหน้าหรือราวปี 2025 ผู้ใช้งานในโซนที่ไม่สามารถเข้าถึงธนาคารได้
จะมีโอกาสใช้จ่าย Cryptocurrency ผ่านทางมือถือแทน
ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแอฟริกา
ในอนาคตที่ใกล้เข้ามานี้
แน่นอนว่าระบบชิปปิ้งจีนต้องมีการตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา และปรับปรุงระบบ
รวมถึงแพลตฟอร์มให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองต่อผู้บริโภคและรองรับการชำระเงินออนไลน์
ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีที่กล่าวมานั้นเกิดขึ้นแล้วบน Handshipping
ซึ่งสามารถนำเข้าสินค้าจากจีนผ่านแพลตฟอร์มหรือแอปพลิชั่นบนมือถือได้อย่างสะดวกสบาย
ซึ่งมีบริการชิปปิ้งให้เลือกอย่างหลากหลายเช่นกัน
https://handshipping.com/%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87-10-%E0%B9%80/