วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Wallet กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว

Wallet กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ส่วนตัว


การลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ทั่วไป เราจะพักเงินสดของเราเอาไว้ในบัญชีธนาคาร แต่การลงทุนใน CryptoCurrency และ ICO จะใช้สิ่งที่เรียกว่า Wallet หรือกระเป๋าเงินอีเล็กทรอนิกส์ในการเก็บรักษาเงินดิจิทัลของเราเอาไว้ และใช้ทั้งโอนออกและรับเงินดิจิทัลมาจากผู้อื่น พูดง่ายๆคือเป็นที่เก็บโค้ดของ CryptoCurrency แต่ละสกุลนั่นเอง 
การสร้าง Wallet ส่วนตัวสามารถทำได้ผ่าน Exchange หรือเวบไซต์ผู้ให้บริการ Wallet โดยเฉพาะ โดยการกรอกข้อมูลส่วนตัว เมื่อได้รับอนุมัติ เราจะได้เลขรหัสส่วนตัวหรือที่เรียกว่า Address ที่เป็นทั้งตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษจำนวน 34 ตัว
     **ข้อควรระวัง รหัส Address นี้ห้ามให้ผู้อื่นรับรู้เด็ดขาด หรือแม้แต่การ Copy เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ เพราะถ้าหากรหัสถูกนำไปใช้ เงินดิจิทัลที่เรามีก็จะถูกขโมยไปได้ทันที วิธีการเก็บรักษาที่ดีที่สุดคือการจดเก็บไว้ในกระดาษ เก็บรักษาให้ดี เวลาจะทำธุรกรรมจึงนำออกมากรอกรหัส อาจจะเสียเวลาแต่ปลอดภัยที่สุด**
Wallet จะมีอยู่ด้วยกันสองแบบ
1.Wallet แบบ Hardware เงินดิจิทัลของเราจะถูกจัดเก็บไว้ในอุปกรณ์ที่มีหน้าตาคล้ายกับ Thumb Drive โดยยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจะมี  Ledger Nano S,KeepKey,Trezor ซึ่งสามารถสั่งซื้อได้ทางอินเทอร์เนต ข้อดีของการเก็บไว้ใน Hardware คือโอกาสที่จะถูกแฮ็กมีน้อยมาก แต่ข้อเสียคือถ้าทำหายก็จะไม่มีทางเรียกคืนมาได้เลย จึงควรต้องมีตู้เก็บไว้ด้วย วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีเงินดิจิทัลจำนวนมาก
2.Wallet แบบ Software หรือ Hot Wallet เป็นการเก็บรหัสของเราเอาไว้ในเวบไซต์หรือแอพลิเคชั่น ซึ่งจะต่างจากแบบแรกคือเป็นการเก็บแบบซอฟท์แวร์ ข้อดีคือสะดวกในการทำธุรกรรมแต่ก็มีความเสี่ยงจากการที่ผู้ให้บริการโดนแฮ็ค จึงเหมาะกับผู้ที่มีเงินดิจิทัลจำนวนไม่สูงมากนัก
วิธีการโอนเงินดิจิทัลหรือชำระเงินก็เพียงแค่ Copy รหัสของเราลงไปหรือทำการสแกนคิวอาร์โค้ดระบบก็จะทำการทำธุรกรรมได้ โดยต้องกรอกให้ถูกสกุลเงินด้วย