วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

บิทคอยน์ ราชาแห่ง Cryptocurrency

บิทคอยน์ ราชาแห่ง Cryptocurrency


บิทคอยน์ คือสกุลเงินดิจิตอลตัวแรกที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ จนทำให้ทุกคนเข้าใจไปว่า บิทคอยน์ คือทั้งหมดของเงินสกุลดิจิตอล ความจริงแล้วเป็นเพียง “ตัวพ่อ” แห่ง Crypto Currency เท่านั้น โดยเริ่มกำเนิดขึ้นในปี 2008 โดยบุคคลที่อ้างว่าชื่อ Satoshi Nakamoto แต่ถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครได้พบตัวเป็นๆของเขาเสียที และมีบุคคลมากมายที่กล่าวอ้างว่าเขาคือผู้สร้าง บิทคอยน์
ช่วงเวลาที่ บิทคอยน์ เกิดขึ้นมา โลกกำลังเกิดวิกฤติ Sub Prime ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกเทขายอย่างหนัก คนบางกลุ่มที่ไม่เชื่อมั่นในระบบการเงินแบบเดิมๆจึงมีความคิดที่จะสร้างสกุลเงินดิจิทัลขึ้นมาแทนที่เงินแบบเดิมหรือ Fiat Currency ซึ่งจะพิมพ์แบงก์หรือธนบัตรออกมาได้จะต้องมีสินทรัพย์รองรับ เช่น ทองคำหรือทุนสำรองระหว่างประเทศ ส่วนประเทศไทยใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศเป็น Backup พิมพ์แบงก์) 
แต่ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่าง สหรัฐฯ ยูโรโซน รวมถึงญี่ปุ่น ต่างแหกกฎที่ตัวเองกำหนดขึ้นด้วยการพิมพ์เงินออกมาในระบบอย่างไม่มีข้อจำกัด ผ่านนโยบายที่เรียกว่า QE เป็นที่มาที่ทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก่อนจะกลับมาแข็งค่าหลังเลิกทำ QE นี่คือสาเหตุที่ทำให้เกิดสกุลเงินดิจิทัลที่ไม่อ้างอิงกับระบบการเงินดั้งเดิมขึ้น
ผู้ที่มีคำถามว่า บิทคอยน์ หรือ Crypto Currency มีความน่าเชื่อถือเพียงใด เอาสิ่งใดมาเป็นหลักประกัน คงต้องย้อนถามกลับไปว่าแล้วเงินดอลลาร์สหรัฐฯในเวลานี้มีความน่าเชื่อถือเพียงใด? เพราะพิมพ์ออกมาได้อย่างไม่จำกัดเพียงแค่กรอกตัวเลขลงไปว่าจะพิมพ์แบงก์ออกมาเท่าไร โดยไม่สนใจว่าจะมีหลักประกันหรือไม่ 
ผู้ที่สนใจเทรดหรือใช้งานบิทคอยน์อยู่ในวันนี้ อาจเรียกได้ว่ามีความเชื่อว่าวันหนึ่งระบบการเงินของโลกจะเปลี่ยนแปลงไป เงินดอลลาร์สหรัฐฯ รวมถึงสกุลอื่นๆ  จะหมดความสำคัญลงและเงินสกุลดิจิทัลจะมาแทนที่
ถ้าจะนิยามบทบาทของ บิทคอยน์ ในฐานะของการเป็นเทวา ต้องบอกว่าบิทคอยน์จะเป็นสกุลเงินที่มีอิสระในตัวเอง ไม่มีใครหรือหน่วยงานใดมาแทรกแซงได้ แบบที่ธนาคารกลางทั่วโลกควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้จ่ายในระบบออนไลน์รวมถึงโอนให้กันได้อย่างสะดวก แทบจะไม่มีต้นทุนค่าธรรมเนียมใดๆ เพราะไม่มีตัวกลางอย่างธนาคารมาเกี่ยวข้อง โดยสามารถทำธุรกรรมผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า บล็อกเชน
ส่วนในฐานะของการเป็นซาตาน ปัจจุบันต้องยอมรับว่าราคา Bitcoin ยังไม่มีความเสถียรพอในการที่จะเป็นสกุลเงินหลัก การปรับตัวขึ้นลงในระดับเลขสองหลัก ถือว่ามีความผันผวนสูงกว่าอัตราแลกเปลี่ยนทั่วไปที่ผันแปรเพียงแค่ 1-2%  ต่อวัน และผู้ถือBitcoin ส่วนใหญ่ยังอยู่ในกลุ่มเทรดเดอร์ที่ต้องการเก็งกำไรมากกว่าจะถือเพื่อใช้งานจริง ยังไม่นับอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีการแฮค Bitcoin ให้เห็นกันอยู่
เวลาที่พูดถึง Crypto Currency ทุกคนมักต้องพูดถึงชื่อของ Bitcoin ขึ้นมาเป็นอันดับแรก เผลอๆจะรู้จักอยู่สกุลเดียวเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่จริงแล้วในโลกนี้มี Crypto Currency อีกจำนวนมาก แต่ Bitcoin ก็ยังเป็นตัวพ่อของบรรดาเหรียญดิจิทัลทั้งหมดอยู่ดี นั่นเป็นเพราะเวลานี้ Bitcoin มีสถานะที่ “ใกล้เคียง” กับการเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนระหว่างเงินและสินค้าได้ดีที่สุด เห็นได้จากร้านค้าที่รับชำระด้วยเงินดิจิทัลส่วนใหญ่จะอ้าแขนรับ Bitcoin
อธิบายให้ง่ายที่สุด ให้มองว่า Bitcoin คือ ทองคำ ในยุคดิจิทัล นั่นเอง และทองคำคือสิ่งที่นำมาใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและบริการได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์การเงินของโลก จนกระทั่งถูกแทนที่ด้วย Fiat Currency หรือธนบัตร เหรียญเงิน ในปัจจุบัน โดยทองคำถูกลดความสำคัญในการเป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนลง ก็เพราะธนาคารกลางหลักๆของโลกอย่าง สหรัฐฯ ยุโรปและญี่ปุ่น พิมพ์เงินออกมาด้วยตัวเอง โดยไม่ใช้ทองคำมาเป็น Backup อีกแล้ว