วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2562

จีนเร่งดันเงินหยวนเป็น”สกุลเงินสากล” เตรียมออกเงินดิจิทัลใน 2-3 เดือนนี้


จีนใกล้จะออกแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิตัล (digital currency) ตัวเองในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ขณะเดียวกันได้ประกาศพร้อมสนับสนุนให้มีการใช้เงินหยวน เพื่อให้เป็นสกุลเงินสากลในเขตการค้าเสรีนำร่อง


ธนาคารกลางจีนได้เตรียมการเพิ่มสัดส่วนของทองคำสำรองที่เป็นทางการเป็นจำนวน 1.948 ตัน นับเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งสำรองอยู่ที่จำนวน 1.853 ตัน เพื่อรองรับนโยบายการใช้เงินหยวนให้มีบทบาทมากขึ้นในตลาดการเงินโลก รวมทั้งการออกเงินสกุลหยวนที่เรียกว่า Yuan Digital Currency

HCM Capital เปิดเผยว่า จีนได้พัฒนากรอบที่เรียกว่า Digital Currency Electronic Payment หรือ DCEP ซึ่งธนาคารกลางจีนได้รับอนุญาตจากให้ทำการออกสกุลเงินที่เป็น Digital Currency ให้กับธนาคารพาณิชย์ และบริษัทที่มีเครือข่ายของระบบชำระเงิน คือ Alipay และ WeChat Pay ให้เข้ามาร่วมอยู่ในกระบวนการนี้ด้วย

ถึงแม้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา Digital Currency จะถูกมองว่าเป็นความเสี่ยงที่นำไปสู่การฉ้อโกง และอาจเป็นช่องทางของกระบวนการฟอกเงิน รวมทั้งเป็นแหล่งสนับสนุนทางการเงินให้กับการก่อการร้าย   แต่ Digital Currency ของจีนจะมีการจดทะเบียนที่สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อเป็นช่องทางผลักดันสู่ตลาดการเงินทั่วโลกที่ต้องการรู้และเข้าถึงเกี่ยวกับวิธีการใช้ และการกำกับดูแลโดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยี โดยหากธนาคารกลางจีนสามารถออก Digital Currency ได้ก็จะเป็นธนาคารกลางแห่งแรกของโลกที่ดำเนินการได้สำเร็จ

ทั้งนี้ Digital Currency ดังกล่าวจึงถือเป็นเงินตราแบบใหม่ที่ออกโดยธนาคารกลาง ซึ่งได้รับการการันตีจากสินทรัพย์ที่ธนาคารพาณิชย์นำมาฝากไว้ที่ธนาคารกลาง ดังนั้น Digital Currency จึงทำหน้าที่ได้เสมือนหลักทรัพย์ตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ในระยะเริ่มต้น Digital Currency ของธนาคารกลางจีนจะถูกนำมาใช้ในประเทศเท่านั้น โดยกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนในแบบเดียวกันกับการกำหนดค่าเงินหยวนในระบบปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีนระบุว่า Digital Currency จะถูกนำมาใช้แทนที่ธนบัตรและเหรียญ ที่ใช้เป็นเงินสดหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจีนอย่างมีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ Digital Currency ของธนาคารกลางจีนนี้ จะถูกใส่ไว้ในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับการทำธุรกรรมโดยตรงของบุคคล ซึ่งกระเป๋าเงินที่ว่านั้นอาจเป็นแอพพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนในอนาคต

จีนกำลังเดินหน้าในการผลักดันเงินหยวนให้มีบทบาทเป็นเงินสากลในตลาดการเงินและการค้าโลกครั้งสำคัญ หลังจากในช่วงหลายปีก่อนเงินหยวนได้เข้าไปเป็น 1 ใน 5 สกุลหลักของโลกที่อยู่ในตะกร้าเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ด้วย


เพื่อสนองตอบต่อเป้าหมายขยายเส้นทางขนส่งทางเรือ อากาศและทางบก ในการค้าและการลงทุนที่เชื่อมโยงกัน 3 ทวีปทั้งเอเชีย แอฟริกา และยุโรป ตามยุทธศาสตร์เส้นทางทางสายไหมใหม่ หรือ One Belt And Road ของศตวรรษที่ 21   และล่าสุด ในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการนำร่องให้ระบบการทำงานได้สอดประสานกัน โดยธนาคารกลางจีนยืนยันสนับสนุนเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากล และมีรากฐานที่แข็งแกร่งในอนาคต ทั้งนี้ จีนได้จัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องรวม 18 แห่ง หลังจากที่ได้จัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องแห่งแรกที่เซี่ยงไฮ้

ขอบคุณ..https://businesstoday.co/columnist/13/11/2019/%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%99/   



หยวนดิจิตอล : แบงก์ชาติจีนหนุนการใช้สกุลเงินหยวน ในเขตการค้าเสรีนำร่องต่อเนื่อง



แบงก์ชาติจีนหนุนการใช้สกุลเงินหยวน
ในเขตการค้าเสรีนำร่องต่อเนื่อง

ธนาคารกลางจีนได้ประกาศใช้มาตรการนำร่องอย่างต่อเนื่องในเขตการค้าเสรีต่าง ๆ รวมทั้งเขตการค้าเสรีนำร่องที่เซี่ยงไฮ้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการแปลงดุลบัญชีเงินทุน โดยมาตรการดังกล่าวครอบคลุมถึงการบริหารการเงินข้ามแดน และการระดมทุนเงินหยวนแบบสองทางของบริษัทข้ามชาติ ซึ่งบางมาตรการได้ถูกนำไปใช้ในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ และเขตการค้าเสรีนำร่องอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
เฉิน อวี้ลู่ รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวว่า การสนับสนุนเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วตลอดทศวรรษที่ผ่านมา
รองผู้ว่าแบงก์ชาติจีน กล่าวว่า การใช้เงินหยวนข้ามแดนพัฒนาจากการใช้ค้าขายชายแดนแบบประปรายไปสู่การใช้งานในทุก ๆ ด้าน และขยายจากดุลบัญชีเดินสะพัดไปสู่ดุลบัญชีเงินทุน จากการค้าไปสู่การทำธุรกรรมทางการเงิน จากธนาคารและองค์กรไปสู่บุคคล และจากการใช้งานง่าย ๆ ไปสู่การใช้งานที่ซับซ้อน
การสนับสนุนเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในตลาดทุน ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์สกุลเงินหยวนโดยธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ สถาบันการเงินข้ามชาติ และบริษัทบริหารสินทรัพย์ก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนถึงขณะนี้ บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของโลก 62 แห่ง จาก 100 แห่ง ได้เข้ามาทำธุรกิจในจีนแล้ว
อู๋เว่ย เจ้าหน้าที่จากเขตพิเศษหลินกังในเขตการค้าเสรีนำร่องเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า "เขตพิเศษหลินกังในเขตการค้าเสรีนำร่องเซี่ยงไฮ้จะยกระดับ ขยาย และส่งเสริมการเปิดกว้างในทุก ๆ ด้าน และในระดับที่สูงขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างเขตพิเศษที่มีอิทธิพลและความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล"
ขณะที่อุตสาหกรรมการเงินจีนยังคงเดินหน้าเปิดกว้างทางการเงินแบบสองทาง การสนับสนุนเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลและการจัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องก็ทำงานสอดประสานกัน โดยนโยบายที่ทันสมัยในเขตการค้าเสรีนำร่องช่วยให้การสนับสนุนเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลมีรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการก้าวไปข้างหน้า
หวังซีฉวน ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) หนึ่งในสี่ธนาคารยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน กล่าวว่า "นับตั้งแต่จัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องแห่งแรกในเซี่ยงไฮ้ จีนได้จัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องรวม 18 แห่งแล้ว การเพิ่มความเข้มข้นในการสนับสนุนเงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลและการจัดตั้งเขตการค้าเสรีนำร่องได้กลายเป็นตัวกลางที่ทำให้จีนมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจโลกและนวัตกรรมทางสถาบัน"

11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 11:25 น. สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)
ขอบคุณ https://www.ryt9.com/s/iq29/3065424


วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2562

หยวนดิจิตอล : จีนเตรียมออก "เงินดิจิตอล" รายแรกของโลก



หยวนดิจิทัล : สงครามค่าเงิน EP2 เปิดศึก ดอลลาร์ vs หยวนดิจิตอล


หลังซุ่มเงียบมานานในที่สุดประเทศจีนก็แสดงความพร้อมที่จะเปิดตัว หยวนดิจิตอล อย่างเต็มตัวในรูปแบบของสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลาง (CBDC) ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯเจ้าของสกุลเงินทรงอิทธิพลของโลกอย่าง “ดอลลาร์” ยังลังเลที่จะเข้าสู่สนามนี้ ไม่แน่ว่าสงครามค่าเงินในบทที่สองอาจจะย้ายสนามแข่งมาบนโลกดิจิตอล
หากเป็นเช่นนั้นจริง ทางฝั่งเงินหยวนของจีนอาจกุมความได้เปรียบบนสงครามค่าเงินนี้เพราะชิงพื้นที่ลงมาก่อนและมีแพลตฟอร์มที่พร้อมจะรองรับและขยายอิทธิพลของ หยวนดิจิตอล อย่างเต็มที่ผ่านเครือข่ายของ Alipay หรือ WeChat Pay ที่มีผู้ใช้งานกว่าพันล้านราย
สัญลักษณ์ที่ชัดเจนที่สุดที่แสดงว่าจีนเตรียมตัวที่จะนำเงินหยวนที่หวงแหนมานานไม่ให้ออกไปโลดแล่นบนเวทีการเงินระดับโลกเข้าสู่โลกดิจิทัลคือการออกมาประกาศสนับสนุนเทคโนโลยีบล็อกเชนให้เป็นสาระสำคัญทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของจีนโดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
รวมถึงการประกาศรับรองกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยี Cryptography ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างและนำเงินดิจิตอลไปใช้งาน ผลจากการประกาศครั้งนั้นทำให้ราคาบิทคอยน์ถูกเก็งกำไรปรับตัวขึ้นแรงกว่า 30% ภายในวันเดียว 
นับตั้งแต่จีนประกาศแบนเงินดิจิตอลทั้งหมดในปี 2017 ไม่ว่าจะเป็นการสั่งปิดเวบซื้อขายเงินดิจิตอล แบนการระดมทุนแบบไอซีโอทั้งหมด รวมถึงสั่งห้ามการทำธุรกรรมเงินเงินดิจิตอลที่เกี่ยวข้องกับเงินหยวนทั้งหมด หลายฝ่ายคาดการณ์อยู่แล้วว่าจีนน่าจะมองเห็นถึงโอกาสและคุณสมบัติที่เงินดิจิตอลมีเทียบกับ Fiat Currency แบบดั้งเดิมและน่าจะมีการสร้างสกุลเงินดิจิตอลของตัวเองจึงได้สั่งปิดกั้น Cryptocurrency จากภายนอกทั้งหมด 
จนกระทั่งธนาคารกลางและแห่งชาติจีน (PBOC) ได้ออกมาประกาศว่ากำลังพัฒนาเงิน หยวนดิจิตอล ของตัวเองในรูปแบบที่ธนาคารกลางใช้หรือ Central Bank Digital Currency  (CBDC)  ซึ่งเป็นเงินดิจิตอลในรูปแบบปิดหรือ Private Blockchain กล่าวคืออยู่บนคนละแพลตฟอร์มกับ Public Blockchain ที่บิทคอยน์และเงินดิจิตอลื่นๆใช้งานอยู่
เป็นไปตามแนวทางเดียวกับธนาคารกลางอื่นๆทั่วโลกที่ให้ความสนใจในการพัฒนาเงินดิจิตอลและบล็อกเชนของตัวเองเพื่อลดต้นทุนทางด้านการเงินและเพิ่มประสิทธิภาพการทำธุรกรรมการเงิน เช่น ประเทศไทยที่มีโครงการอินทนนท์ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ใช้เฉพาะระบบธนาคารพาณิชย์ภายใต้การกำกับดูแล
IBM ได้เปิดเผยการวิจัยที่ทำร่วมกับ The Official Monetary and Financial Institutions Forum (OMFIF) คาดว่าภายในห้าปีข้างหน้าธนาคารกลางทั่วโลกจะมีการเปิดตัวและใช้งานสกุลเงินดิจิตอลของธนาคาร (CBDC)
ผลสำรวจจากผู้บริหารธนาคารทั่วโลก 73% ต้องการให้ธนาคารกลางออกเหรียญ CBDC และการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารธนาคารกลาง 50% มีความกังวลต่อโครงการรูปแบบเดียวกับ Libra ของ Facebook เนื่องจากจะเข้ามาทำให้เสถียรภาพทางการเงินของประเทศสูญเสียไป
ทั้งนี้เงินดิจิตอลของธนาคารกลางที่จะออกมาจะทำหน้าที่เหมือนกับ Fiat Currency ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเพียงแต่อยู่ในรูปของดิจิทัลเท่านั้นโดยจะเข้ามาแทนที่การใช้ธนบัตรและเหรียญเงิน
ยังมีคำให้สัมภาษณ์จากผู้บริหารของธนาคารประชาชนจีนด้วยว่าเงินดิจิตอลของจีนนั้นมีรูปแบบคล้ายกับสกุลเงิน Libra ที่พัฒนาขึ้นโดย Facebook โดยมีคุณสมบัตินำไปใช้จ่ายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการแทนเงิน Fiat Currency แบบดั้งเดิม



การแสดงตัวอย่างชัดเจนของจีนที่ต้องการจะก้าวเข้ามาในโลกของเงินดิจิตอล แม้ทางฝั่งสหรัฐฯคู่ปรับสำคัญบนเวทีระดับโลกจะยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะนำเงินดอลลาร์ที่มีอยู่มาพัฒนาให้เป็นเงินดิจิตอล และผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯก็ไม่เคยให้ความสนใจกับเงินดิจิตอลมาก่อน 
แต่ล่าสุดได้มีการคำกล่าวของมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Facebook ได้กล่าวกับกรรมาธิการด้านการเงินของสภาครองเกรส ในโอกาสที่เข้าชี้แจงถึงการเปิดตัวสกุลเงิน Libra ว่าสหรัฐฯจำเป็นต้องส่งเสริมให้ Libra เกิดขึ้นเพื่อให้เงินดอลลาร์และสหรัฐฯยังคงความเป็นผู้นำทางการเงินของโลกและแข่งขันกับจีนได้
“สกุลเงิน Libra มีสัดส่วนของเงินดอลลาร์อยู่ถึง 50% สหรัฐฯต้องสร้างนวัตรกรรมใหม่ๆทางการเงินเพื่อที่จะแข่งขันกับจีนและคู่แข่งอื่นๆได้ อนาคต6 ใน 10 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลกอาจจะเป็นของจีนก็เป็นได้”  นี่คือประโยคที่ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าวไว้กับสภาครองเกรสสหรัฐฯไม่นานมานี้
ถึงตอนนี้ยังไม่มีท่าทีใดๆจากฝั่งสหรัฐฯในการที่จะพัฒนาเงินดิจิตอลของตัวเอง แต่หากสภาครองเกรสอนุมัติให้ Libra เกิดขึ้นได้จริง นี่คือเงินดิจิตอลที่จะเป็นตัวแทนจากฝั่งสหรัฐฯไปขับเคี่ยวกับหยวนดิจิตอลของจีนบนเวทีระดับโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้งาน 2,300 ล้านรายทั่วโลก สามารถแข่งขันกับ Alipay และ WeChat Pay ที่มีฐานผู้ใช้ส่วนใหญ่อยุ่ในจีนและเอเชียได้อย่างสูสี
แม้ตอนนี้พันธมิตรของสมาคม Libra โดยเฉพาะฝั่งทางด้านผู้ให้บริการทางการเงินอย่าง Visa,Mastercard และ Paypal จะถอนตัวออกไปแล้วเนื่องจากความไม่ชัดเจนทางด้านกฎระเบียบ แต่หาก Libra ได้รับการอนุมัติจากทางการ ก็เป็นไปได้ว่าพันธมิตรที่เคยถอนตัวก็อาจจะกลับมาร่วมอีกครั้ง
ขณะที่ฝากฝั่งยุโรปซึ่งมีท่าทีต่อต้านสกุลเงิน Libra อย่างชัดเจน แต่ก็มีเสียงสะท้อนมาจากสมาคมธนาคารเยอรมันว่าธนาคารกลางยุโรปสมควรที่จะพัฒนาเงินดิจิตอลสกุลยูโรของตัวเองเช่นกัน 
รัฐมนตรีคลังเยอรมัน Olaf Scholz ยังกล่าวสนับสนุนให้เกิดสกุลเงินดิจิตอลยูโรเนื่องจากระบบการชำระเงินดิจิตอลที่มีต้นทุนต่ำและสามารถนำไปใช้งานได้อย่างแพร่หลายจะเป็นผลประโยชน์ของชาวยุโรปทั้งหมด
แม้แต่ Mario Draghi ประธานธนาคารกลางยุโรปยังเคยกล่าวด้วยว่า 
“ยุโรปไม่ควรจะตามหลังจีน รัสเซีย สหรัฐฯรวมถึงภาคเอกชนในการผลักดันให้เกิดสกุลเงินดิจิตอล”
ต้องจับตาการขับเคี่ยวระหว่างสหรัฐฯและจีน บนสงครามทางด้านเทคโนโลยีรวมถึงสงครามค่าเงินในยกที่สองที่ยกระดับสู่แพลตฟอร์มดิจิทัล ฝั่งพญาอินทรีย์ในฐานะผู้นำเดิมที่มีเงินสกุลดอลลาร์ที่ได้รับการยอมรับมายาวนานและมีแม่ทัพคือยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีอย่าง Facebook,Google,Microsoft 
ขณะที่ฝั่งจีนเป็นผู้ท้าชิงหน้าใหม่ที่จะผลักดันเงิน หยวนดิจิตอล เข้าสู่เวทีระดับโลกขนาบข้างโดยยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alibaba,Tencent,Huawei เรียกได้ว่าขุมกำลังไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน 
ท้ายสุดแล้วใครจะเป็นผู้ชนะน่าจับตาอย่างยิ่ง

จับตา! ธนาคารกลางจีนอาจเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล.. จากแบงก์รัฐเป็นชาติแรก



จับตา! ธนาคารกลางจีนอาจเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล..จากแบงก์รัฐเป็นชาติแรก
เว็บไซต์ฟอร์บส์รายงานโดยยืนยันถึงแหล่งข่าวว่าภายในไม่กี่สัปดาห์นี้ ธนาคารประชาชนจีน หรือแบงก์ชาติจีนเตรียมเปิดตัวสกุลเงินดิจิตอลของตนเองซึ่งจะนับเป็นเงินสกุลดิจิตอลจากแบงก์รัฐเป็นแห่งแรกในโลก
รายงานระบุว่าตามแผนแล้วแบงก์ชาติจีนจะเริ่มต้นใช้เงินสกุลดิจิตอลนี้ในลักษณะกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์อุตสาหกรรมแห่งประเทศจีน (ICBC) ร่วมกับบริษัทเทนเซนต์และอาลีบาบา ในการทำธุรกรรมโดยตรงระหว่างบุคคล
คาดว่าการเปิดตัวเงินสกุลดิจิตอลนี้อาจมีขึ้นในช่วงสิ้นเดือนกันยายน และคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลช็อปปิ้่งใหญ่ของชาวจีน
คาดว่าการเปิดตัวเงินสกุลดิจิตอลนี้อาจมีขึ้นในช่วงสิ้นเดือนกันยายน และคาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ซึ่งตรงกับช่วงเทศกาลช็อปปิ้่งใหญ่ของชาวจีน
รายงานดังกล่าวของฟอร์บส์สอดคล้องกับสำนักข่าวไชน่าเดลีของจีน ที่รายงานเช่นกันว่า สกุลเงินดิจิตอลนี้จะถูกใช้งานผ่านรูปแบบกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ตโฟน
โดยสกุลเงินดิจิตอลจากธนาคารกลาง จะถือเป็นเงินตรารูปแบบใหม่เช่นเดียวกับเงินหยวนที่ออกโดยธนาคารกลางและทำหน้าที่เสมือนหลักทรัพย์ตามกฎหมาย ได้รับการหนุนหลังจากแหล่งสินทรัพย์ที่มีมูลค่า ซึ่งสถาบันการเงินพาณิชย์ฝากไว้ในธนาคารกลาง
แหล่งข่าวในแบงก์ชาติจีนยังเผยถึงความคืบหน้าว่า ในขณะเริ่มการทดสอบในวงปิดแล้ว ซึ่งเป็นการจำลองสถานการณ์ชำระเงิน โอนเงิน ซึ่่งมีสถาบันการเงินหลายแหงทั้งที่เป็นของรัฐและไม่ใช่ของรัฐเข้าร่วมทดสอบ
สกุลเงินดิจิทัลจากแบงก์ชาติจีนนี้ ในเบื้องต้นจะถูกใช้งานในประเทศเท่านั้น และถูกออกแบบให้ผูกกับอัตราแลกเปลี่ยนเดียวกับค่าหยวน

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2562

สกุลเงินดิจิทัลของจีน...อาจทำให้ทั่วโลกหันมาใช้เงินหยวน



สกุลเงินดิจิทัลของจีน...อาจทำให้ทั่วโลกหันมาใช้เงินหยวน



เงินดิจิทัลจีน จะเกิดขึ้นหรือไม่




Social Banking เกิดมาเพื่อฆ่าธนาคาร..จริงๆ



3 แอพหลักๆที่คนใช้กันทั่วโลก คือ.......



Social Banking เกิดมาเพื่อฆ่าธนาคาร..จริงๆ



หยวนดิจิทัล..เปิดตัวแน่นอน : เงินดิจิทัลจีน




จีนจะ “เปิดตัว” สกุลเงินดิจิทัล ของตัวเองอย่างแน่นอนภายใน 6 – 12เดือนข้างหน้า
Edith Cheung 
นักลงทุนด้านบล็อคเชนในประเทศกล่าวอย่างมั่นใจ

**********************************

    Edith Cheung จาก Proof of Capital ได้พูดคุยกับ สำนักข่าว CNBC เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2019  ซึ่งเขาได้แสดงความมั่นใจเกี่ยวกับการมาถึงของสกุลเงินดิจิทัลของจีน

              “ฉันคิดว่าจะมีการเปิดตัวภายในหกถึงสิบสองเดือนข้างหน้าแน่นอน”   

เขาบอกเกี่ยวกับกรอบเวลาของการเปิดตัว 

ประเทศจีนนั้นได้เปิดเผยว่ามีการพัฒนาเงินหยวนดิจิตอลมาหลายปีแล้ว  แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลก็ปฏิเสธที่จะระบุว่า เมื่อใดกันเล่าที่มันจะกลายเป็นความจริงซะที
อย่างไรก็ตาม Cheung ก็เชื่อว่าประเทศต่างๆก็เริ่มมีการตอบสนองแล้ว เนื่องจาก
ดูเหมือนจีนจะกลายเป็นประเทศแรกของโลกที่จะออกเงินดิจิทัลของชาติ 

“ฉันคิดว่าสหรัฐอเมริกาควรจะต้องรีบเร่งมือแล้ว โดยเฉพาะแนวคิดและนโยบายที่รัดกุม อย่างน้อยก็เป็นทิศทางสำหรับดอลลาร์สหรัฐแบบดิจิตอล”  Edith Cheung กล่าว

ประเทศจีนยังคงอยู่ในความสนใจ เนื่องจากแผนเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล ยังคงดำเนินการควบคู่ไปกับการรับรองเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างเป็นทางการ    จากการ
ประกาศเมื่อเดือนที่แล้วโดยประธานาธิบดี สี จิ้นผิง โดยนโยบายดังกล่าวยังส่งผลกระทบต่อโครงการบล็อกเชนของจีน ซึ่งหลายโครงการราคาของโทเค็นก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น Neo หรือ ONT

*************************  

ข่าววันที่        20 พฤศจิกายน 2019
เขียนโดย     
Hatake Kakashi

จีนเตรียมออกเงินดิจิตอลของตนเอง





จีนเตรียมออกเงินดิจิตอลของตนเอง


ธนาคารกลางของจีน (People’s Bank of China :PBOC)  Central Bank of the People's Republic of China กำลังพัฒนาเงินดิจิตอลของตนเองขึ้นมา นับเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน และจะเป็นคู่แข่งบนแพลตฟอร์ม Consumer Payment อื่นอย่างเช่น Alipay, WeChat 
ทีมค้นคว้าวิจัยของธนาคารกลางของจีนได้เริ่มวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาเงินดิจิตอลมาตั้งแต่     ปี 2014 และได้เริ่มประสบความสำเร็จ โดยได้ทดลองใช้งานต้นแบบเงินดิจิตอลที่พัฒนาขึ้นมาแล้ว นี่ทำให้การพัฒนาเงินดิจิตอลเพื่อใช้งานจริงใกล้ประสบความสำเร็จ และจะทำให้ธนาคารกลางของจีน เป็นธนาคารกลางแรกของโลก ที่สร้างเงินดิจิตอลขึ้นใช้ เป็นเงินดิจิตอลที่สามารถซื้อได้ทุกสิ่ง ตั้งแต่บะหมี่ไปจนถึงรถยนต์ และอื่นๆ 

ข้อดีของการใช้เงินดิจิตอล มีหลายประการเช่น ไม่ต้องใช้เงินจริงไม่ว่าจะเป็นธนบัตร หรือเหรียญ ในการซื้อสินค้าอีกต่อไป และไม่ต้องอาศัยตัวกลางอย่างเช่น บัตรเครดิต เดบิต ของธนาคารในการซื้อขายสินค้า ทำให้ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการใช้คนกลาง ผู้ซื้อ ผู้ขาย สามารถซื้อขายสินค้าทางออนไลน์หรือแม้แต่ออฟไลน์ได้โดยตรง ด้วยเงินดิจิตอล 

สำหรับธนาคารกลางจีน ที่สร้างสกุลเงินดิจิตอลขึ้นนี้ จะส่งให้กับธนาคารต่างๆ ซึ่งผู้บริโภคสามารถ top up สกุลเงินจากตู้ฝาก-ถอนอัตโนมัติไปที่กระเป๋าเงินดิจิตอลของตนบนสมาร์ทโฟน และ Smart Devices อิ่นๆ ทำให้การซื้อชายสินค้าทำได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็น ทางออนไลน์หรือออฟไลน์ คือ การซื้อสินค้าจากร้านค้าทั่วไป 

นอกจากจีนแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศ เช่น อินเดีย, แคนาดา, เนเธอร์แลนด์, สิงคโปร์ ก็มีความตั้งใจจะสร้างเงินดิจิตอลขึ้นมาใช้งานเช่นกัน สำหรับจีน การพัฒนาเงินดิจิตอลขึ้นมาใช้งานนั้น น่าจะสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวจีนมาก เพราะผู้บริโภคชาวจีนมีการใช้จ่ายเงินในการซื้อสินค้าด้วยเงินดิจิตอลในรูปแบบต่างๆอยู่แล้ว เช่น Alipay, WeChat และรวมไปถึง Bitcoin

สำหรับเงินดิจิตอลของจีนที่กำลังจะนำออกมาใช้งานนี้ พัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยี Blockchain เช่นเดียวกับเงินดิจิตอล Bitcoin ที่โด่งดัง (เคยมีรายงานข่าวว่าคนจีนในประเทศจีนใช้เงินดิจิตอล Bitcoin มากที่สุดในโลก)

การประกาศการพัฒนาเงินดิจิตอลขึ้นใช้งานของธนาคารกลางจีนนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อธนาคารทั่วไปในจีน รวมถึงบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Consumer Psyment อย่าง Alibaba (Alipay) และ Tencent (WeChat) ซึ่งทำให้ทั้งธนาคารและบริษัทเหล่านี้ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ของธนาคารกลางจีนในเรื่องเงินดิจิตอล ซึ่งโดยศักยภาพของพวกเขา ย่อมทำได้แน่นอน เพราะทั้งธนาคารต่างๆในจีนและบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านั้นต่างก็มีเครื่องมือ มีเทคโนโลยีอยู่แล้ว

ผลกระทบอีกส่วนหนึ่งที่เกิดจากการสร้างระบบเงินดิจิตอลของธนาคารกลางจีนคือ เงินดิจิตอล Bitcoin นั่นเอง และดูเหมือน Bitcoin จะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ธนาคารกลางจีนต้องสร้างเงินดิจิตอลของตนเองขึ้นมาด้วย 

การที่คนจีนในประเทศจีนมีการใช้เงินดิจิตอล Bitcoin มากที่สุดในโลก (บางข้อมูลว่า 77 เปอร์เซนต์ของ เงิน Bitcoin ทั่วโลก ถูกใช้โดยคนจีนในประเทศจีน) ซึ่งภาวะการณ์เช่นนี้จะกระทบต่อเศรษฐกิจของจีนในระยะยาวแน่นอน   
ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วคือ การใช้ เงิน Bitcoin ของคนจีนทำให้เงินทุนไหลออกนอกประเทศจีน ซึ่งปล่อยเวลานานไปไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจีนอย่างแน่นอน

การสร้างเงินดิจิตอลของจี
นเองโดยธนาคารกลางจีน จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสกัดรวมทั้งลดการใช้เงิน Bitcoin ของคนจีนในประเทศจีนลง รวมทั้งที่สุดแล้ว ให้คนจีนเปลี่ยนจากการใช้ Bitcoin มาใช้เงินดิจิตอลของจีนเองทั้งหมด  ถ้าธนาคารกลางจีนสามารถทำสำเร็จในเรื่องนี้ จะส่งผลกระทบต่อค่าเงิน Bitcoin อย่างมหาศาล และอาจจะทำให้ค่าเงิน Bitcoin ตกลงไปมาก (ปัจจุบันค่าเงินดิจิตอล Bitcoin กำลังสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากประมาณ 900 ดอลลาร์ต่อ 1 Bitcoin เมื่อปลายปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,190 ดอลลาร์แล้ว)

ดังนั้น เรื่องการสร้างระบบเงินดิจิตอลของตนเองของธนาคารกลางจีน จึงเป็นเรื่องที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง ถ้าประสบความสำเร็จ แน่นอนว่า จะทำให้ธนาคารกลางของประเทศต่างๆทั่วโลก หันมาให้ความสำคัญกับการสร้างระบบเงินดิจิตอลของตนเองอย่างจริงจัง และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดยุคของใช้เงินจริงที่เป็นเหรียญ และกระดาษที่เรารู้จักกันดี เงินในอนาคตจะเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของเลขฐานสอง คือ 0 กับ 1 เท่านั้น










ธนาคารกลางจีนกล่าวอย่างเป็นทางการว่าหยวนดิจิทัลจะแตกต่างจาก Bitcoin


สำนักข่าวจีน South China Morning Post รายงานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมว่าหัวหน้าสถาบันวิจัยสกุลเงินดิจิทัลที่ PBoC กล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลของจีนจะเป็นรูปแบบดิจิทัลของเงินหยวนโดยไม่มีการเก็งกำไรมูลค่าและไม่มีการสำรองของตะกร้าสกุลเงิน Mu อธิบาย:
สกุลเงินนี้ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไร มันแตกต่างจาก Bitcoin หรือโทเค็น (Token) ซึ่งสามารถใช้สำหรับการเก็งกำไรหรือต้องการการสนับสนุนตะกร้าสกุลเงิน
Mu ระบุว่าสกุลเงินดิจิทัลใหม่ของจีนจะดำเนินการในระบบ 2 ระดับโดยมี PBoC อยู่เหนือสุดและอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์ในชั้นสองของระบบรวมศูนย์
PBoC เริ่มทดลองเพื่อจำกัดธุรกรรมเงินสดจำนวนมาก
ในเดือนพฤศจิกายนธนาคารประชาชนประกาศว่าจะดำเนินการนำร่องโดยมีข้อจำกัดในการทำธุรกรรมเงินสดขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีอายุ 2 ปีและจะดำเนินการตามขั้นตอนในมณฑลเหอเป่ยจังหวัดเจ้อเจียงและเมืองเซินเจิ้น
ในเดือนเดียวกัน Mu ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าจีนไม่ได้ทำสงครามด้วยเงินสดโดยการแนะนำสกุลเงินดิจิทัลของตนเอง ซึ่งปักกิ่งมุ่งมั่นในการสร้างสกุลเงินใหม่เพื่อส่งเสริมหยวนกระดาษ
ตัวนำร่องในโลกแห่งดิจิทัลหยวน
ในขณะเดียวกันธนาคารกลางจีนกำลังเร่งดำเนินการเปิดตัวโทเค็นดิจิทัลเพื่อท้าทายเงินเหรียญสหรัฐ เนื่องจากกำลังวางแผนที่จะทดสอบสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางก่อนสิ้นปี 2019 ภายใต้การจับตาของ PBoC ธนาคารใหญ่ 4 แห่งและผู้เข้าร่วมหลักทางเศรษฐกิจอย่าง China Telecom ที่จะรายงานการทดสอบการชำระเงินในสกุลเงินดิจิทัล
**********************************