เด็กที่มีปัญหาในการเรียนรู้ (LD)
เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้เป็นกลุ่มเดียวกัน Learning Disabilities (LD) หรือไม่ เด็กที่มีปัญหาการเรียนรู้ในห้องเรียนอาจเกิดจากการละเลยใส่ใจ ความเบื่อหน่าย ความไม่เข้าใจ การถูกเร่งเรียนจนเด็กเบื่อ หรือเป็นโรคสมาธิสั้นก็ได้ส่งผลทำให้ติดตามการเรียนในห้องเรียนไม่ทัน แต่ภาวะ Learning Disabilities (LD) เป็นความพิการเช่นเดียวกับเด็กตาบอด หูหนวก ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษทางด้านการแพทย์และการศึกษา ในการให้วินิจฉัยและปรับรายละเอียดการเรียนการสอนที่เฉพาะตัว
เมื่อไรจึงจะเรียกเด็กว่าเป็น Learning Disabilities (LD) แพทย์จะวินิจฉัยว่าเด็กเป็น Learning Disabilities (LD) ต่อเมื่อมีความสามารถในการอ่านหนังสือและ/หรือเขียนหนังสือและ/หรือคำนวณต่ำกว่าชั้นที่เด็กเรียน 2 ชั้นเรียน โดยที่มีระดับเชาน์ปัญญาปกติ และทำให้เด็กติดตามการเรียนตามปกติไม่ได้ มิได้เกิดจากภาวะอวัยวะพิการ ขาดโอกาสในการเรียน ปัญญาอ่อนหรือถูกละทิ้ง ไม่อยากเรียน หรือเป็นโรคทางจิตเวชอื่น เช่น ออทิสติก เป็นต้น
ครูจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กเป็น Learning Disabilities (LD)
ถ้าคุณครูศึกษาถึงระดับความสามารถของเด็กในการอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ และดูที่การคำนวณเฉพาะตัวเลขที่ไม่มีโจทย์ จะทำให้เกิดความสงสัยว่าอาจเป็น Learning Disabilities (LD) และถ้าได้พูดคุยหรือสังเกตความสามารถนอกห้องเรียนก็จะเห็นแววของความฉลาดซึ่งจะแตกต่างจากเด็กปัญญาอ่อนชัดเจน ที่ทักษะการเรียนอาจเสียหายแบบเดียวกันแต่กลุ่มปัญญาอ่อนจะมีความลำบากในการช่วยตัวเอง และแก้ปัญหาต่าง ๆ ควรส่งเด็กที่สงสัยพบแพทย์ พร้อมข้อมูลของระดับการอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ และดูที่การคำนวณเฉพาะตัวเลขที่ไม่มีโจทย์ ตรวจเชาวน์ปัญญา ถ้า I.Q. ปกติร่วมกับซักประวัติไม่พบ ถ้าไม่พบภาวะอวัยวะพิการ การขาดโอกาสในการเรียน ปัญญาอ่อน หรือถูกละทิ้ง ไม่อยากเรียน หรือเป็นโรคทางจิตเวชอื่น เช่น ออทิสติก เป็นต้น แพทย์จะออกใบรับรองความพิการตามกฎหมายให้ เพื่อรับรองสิทธิในการได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ และการศึกษาให้
ทำไมจึงไม่แยกเด็ก LD ออกจากเด็กปกติ
เพราะจะทำให้ครูสอนง่ายขึ้น การแยกเด็ก LD ออกจากเด็กปกติจะทำในกรณีเพื่อการศึกษา แนววิธีการสอนและการจัดสอบเพื่อวัดความรู้ การสอนเด็กปกติรวมกับเด็ก LD จะทำได้ง่าย ถ้าปรับระบบการสอนมาเน้นการทดลอง การดู และการฟังเพิ่มขึ้น และการ IEP สำหรับเด็กจะช่วยทำให้คุณครูในห้องรู้ว่าจะสอนให้ในระดับใด คุณครูจะได้ไม่ต้องกังวลกับรายละเอียดข้อมูลที่ต้องสอนทั้งหมดเท่าเด็กปกติ ยกตัวอย่างเช่น เด็ก LD อาจจะอ่านกาพย์ โคลง กลอน ฉันท์ ไม่ได้แต่ถ้ามีคนอ่านให้ฟังก็จะจำได้เท่าคนอื่น เป็นต้น
เพราะจะทำให้ครูสอนง่ายขึ้น การแยกเด็ก LD ออกจากเด็กปกติจะทำในกรณีเพื่อการศึกษา แนววิธีการสอนและการจัดสอบเพื่อวัดความรู้ การสอนเด็กปกติรวมกับเด็ก LD จะทำได้ง่าย ถ้าปรับระบบการสอนมาเน้นการทดลอง การดู และการฟังเพิ่มขึ้น และการ IEP สำหรับเด็กจะช่วยทำให้คุณครูในห้องรู้ว่าจะสอนให้ในระดับใด คุณครูจะได้ไม่ต้องกังวลกับรายละเอียดข้อมูลที่ต้องสอนทั้งหมดเท่าเด็กปกติ ยกตัวอย่างเช่น เด็ก LD อาจจะอ่านกาพย์ โคลง กลอน ฉันท์ ไม่ได้แต่ถ้ามีคนอ่านให้ฟังก็จะจำได้เท่าคนอื่น เป็นต้น
การมีห้องเสริมวิชาการ หรือ Sound Lab หรือ Audiovisual Room จะช่วยทำให้เด็กกลุ่มนี้พัฒนาความรู้ต่อไปได้ เด็กที่เขียนหนังสือเองแล้วอ่านไม่รู้เรื่องหรือเขียนผิดพลาด แต่พอลอกงานคนอื่นกลับทำได้ดี อย่างนี้จะเรียกว่าเป็น LD หรือไม่ จะวินิจฉัยว่าเป็น LD ด้านการเขียนหรือไม่จะต้องดูที่ความสามารถในการเขียนหนังสือเองว่าสามารถเขียนเองได้ดีในระดับการศึกษาชั้นไหน ถ้าความสามารถในการเขียนหนังสือต่ำกว่าชั้นที่เด็กเรียน 2 ชั้นเรียน โดยที่มีความระดับเชาวน์ปัญญาปกติ และทำให้เด็กติดตามการเรียนตามปกติไม่ได้ จึงจะเรียกว่ามีปัญหาในการเรียนรู้ โดยที่ความสามารถนั้นมิได้เกิดจากภาวะอวัยวะพิการ ขาดโอกาสในการเรียน ปัญญาอ่อนหรือถูกละทิ้ง ไม่อยากเรียน หรือเป็นโรคทางจิตเวชอื่น เช่น ออทิสติก เป็นต้น แต่ความสามารถในการเขียนหนังสือโดยการลอกตามแบบไม่เสียหาย ซึ่งใช้เพียงตาและมือทำงานประสานกันเท่านั้น เด็กจึงลอกงานเพื่อได้เร็วเท่ากับเด็กอื่น แต่ความสามารถในการเขียนหนังสือเองต้องใช้สมองส่วนที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับตัวหนังสือซึ่งมีความเสียหาย บกพร่องทำให้การสะกด การเรียงตัวอักษร การสื่อความหมายผิดพลาด
https://www.songkhlahealth.org/paper/361