วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2563

“ระบบหลังบ้านของ “หยวนดิจิตอล” พัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้ว” เจ้าหน้าจากจีนกล่าวยืนยัน

“ระบบหลังบ้านของ “หยวนดิจิตอล” พัฒนาเสร็จสมบูรณ์แล้ว” เจ้าหน้าจากจีนกล่าวยืนยัน     

มิถุนายน 23, 2020

Wang Zhong­min รองประธานคณะกรรมการกองทุนเพื่อการประกันสังคมแห่งชาติของจีน ประกาศว่าจีนได้เสร็จสิ้นการพัฒนาในส่วนของสถาปัตยกรรมของระบบหลังบ้าน หรือ backend architecture development ของ หยวนดิจิตอล หรือ สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางของจีน (CBDC)
การประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นที่ 2020 Fin­tech Fo­rum ที่จัดโดย Tencent Fintech สถาบันวิจัยและ Fintech 50 ฟอรั่ม ในกรุงปักกิ่ง
ด้วย cryptocurrencies ในปัจจุบันที่มีจำนวนมากและที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา จีนกำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินที่สกุลเงินเหล่านี้สามารถอยู่ร่วมกับสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ  โดย Wang กล่าวว่า ระบบดังกล่าวจะทำให้เกิดการแข่งขันและความร่วมมือที่ดีขึ้นในพื้นที่ของ Crypto
จากข้อมูลของ Wang การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้เพิ่มการแข่งขันในพื้นที่ของสกุลเงินดิจิทัล โดยมียักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและรัฐบาลที่ให้ความสนใจในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัลที่ดีขึ้น และเขายังได้กล่าวถึงการพัฒนาของ Libra โดยเฉพาะ ซึ่ง Facebook กำลังพยายามใช้กระเป๋าเงินดิจิตอลที่เชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียของตนเอง

CBDC ของจีนอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ

ขณะนี้ CBDC ของจีนอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ โดย Wang กล่าวระหว่างการประชุม ซึ่งก่อนกน้านี้ก็มีรายงานว่าจีนได้เริ่มร่างกฎหมายที่จะช่วยในการเปิดตัวและการดำเนินการเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิตอลของตนเอง
 Alibaba, Tencent, Huawei, China Merchants Bank  จะได้เข้ามาทำงานร่วมกับธนาคารประชาชนจีนในการพัฒนาและทดสอบ หยวนดิจิตอล
ในขณะที่ทุกคนยังไม่แน่ใจเมื่อไหร่จีนจะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการ หัวหน้า Ledger Vault ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก Glenn Woo กล่าวว่า เงินหยวนดิจิตอลน่าจะเป็นสกุลเงินดิจืตอลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐที่จะเปิดตัวไปทั่วโลก
อ้างอิง : LINK

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2563

รัฐบาลจีนเผยระบบหลังบ้านของเหรียญคริปโตหยวนดิจิทัลถูกพัฒนาเสร็จแล้ว

รัฐบาลจีนเผยระบบหลังบ้านของเหรียญคริปโตหยวนดิจิทัลถูกพัฒนาเสร็จแล้ว

อดีตรองประธานของสภาประชาชนแห่งกองทุนเพื่อการประกันสังคมแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเผยได้พัฒนาระบบแบ็คเอนด์ของสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ธนาคารกลางจีนเสร็จสิ้นแล้ว
นาย  Wang Zhong­min ได้ประกาศในระหว่างการประชุม Fintech Forum ออนไลน์ที่จัดขึ้นโดยสถาบันวิจัย Tencent Fintech และฟอรั่ม Fintech 50 ที่ปักกิ่งในปี 2020 ว่าตอนนี้รัฐบาลจีนพัฒนาระบบหลังบ้านของเงินหยวนดิจิทัลสำเร็จแล้ว
นาย Wang กล่าวว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การแข่งขันในพื้นที่สกุลเงินดิจิทัลนั้นมีมากขึ้น บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและรัฐบาลเริ่มให้ความสนใจในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงินดิจิทัลมากขึ้น เขาได้ยกตัวอย่างถึงการพัฒนาของ Libra โดยเฉพาะว่า Facebook กำลังพยายามใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลบนโซเชียลมีเดีย

CBDC ของจีนอยู่ในช่วงการทดสอบ

ปัจจุบัน CBDC ของจีนอยู่ในขั้นตอนการทดสอบรัฐบาลได้เริ่มร่างกฎหมายที่เอื้ออำนวยต่อการเปิดตัวและการดำเนินการของสกุลเงินดิจิทัล
นอกจากนี้บริษัทด้านเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba, Tencent, Huawei และ China Merchants Bank จะทำงานร่วมกับธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีนในการพัฒนาและทดสอบสกุลเงินหยวนดิจิทัลนี้ด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีประกาศวันเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการ

จีนอาจเปิดใช้งานเหรียญหยวนดิจิทัลโดยที่ไม่มีใครรู้

จีนอาจเปิดใช้งานเหรียญหยวนดิจิทัลโดยที่ไม่มีใครรู้


ล่าสุดนั้นประเทศจีนดูเหมือนว่าจะกลายมาเป็นผู้นำโลกในด้านสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางหรือ CBDC แล้ว ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทเอกชนภายในประเทศต่างก็พยายามแข่งขันกันเพื่อปรับตัวเพื่อใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน
นาย Glenn Woo หัวหน้าฝ่าย Asia Pacific  ของบริษัท Ledger Vault ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อแห่งหนึ่ง ไปแสดงความเห็นว่าสกุลเงินหยวนดิจิทัลของจีนนั้นจะเป็นสกุลแรกของโลกที่ถูกเปิดตัวขึ้น

นาย Woo เน้นย้ำถึงความรวดเร็วในการพัฒนาและติดตั้งระบบดังกล่าวของรัฐบาลจีน พร้อมชี้ว่าเหรียญคริปโตของพวกเขานั้นได้ถูกนำไปทดสอบกับบริษัทใหญ่ๆแล้วถึง 19 บริษัท ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงสตาร์บัคและ McDonalds  อีกด้วย โดยเขากล่าวว่า
“ผมเชื่อว่าเมื่อมันมาถึง มันจะเป็นอันดับ 1  เพิ่งจะเป็นเหรียญ CBDC ที่มีกรณีการใช้งานได้จริงๆทั่วโลก”

จะไม่มีใครรู้ถึงความแตกต่าง

นักวิเคราะห์เป็นจำนวนมากมองจีนว่าจะกลายมาเป็นผู้นำทางด้านการชำระเงินภายในประเทศผ่านเหรียญคริปโตของพวกเขา โดยนาย Woo คาดการณ์ว่าปัจจุบันมีร้านค้าเล็กๆภายในประเทศทั้งหมด 96 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้งาน อาลีเพย์หรือ WeChat pay อยู่
อย่างไรก็ตามนาย Woo เน้นย้ำว่าการเติบโตของแปลกปลอมด้านการจ่ายเงินผ่าน Digital ในประเทศจีนหนังกำลังถูกควบคุมและสนับสนุนโดยทางรัฐบาลจีนไปพร้อมพร้อมกัน ซึ่งนั่นถือเป็นอีกหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อุตสาหกรรมการจ่ายเงินผ่าน Digital ในจีนประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
 นาย Woo คาดการณ์ว่าเหรียญคริปโตของจีนนั้นจะถูกนำไปเชื่อมต่อและใช้งานกับระบบการจ่ายเงินดิจิทัลแทบทั้งหมดในประเทศ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีสำหรับรัฐบาลเนื่องจากว่าพวกเขาจะสามารถตามติดการทำธุรกรรมทุกอย่างของประชาชนได้ละเอียดมากขึ้น
“ในแง่ของผู้ใช้งานรายย่อยนั้น คุณจะไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย มันจะเป็นเหมือนเดิมทั้งหมด พวกเขาจะยังคงใช้ WeChat  หรือเจ้าสุดยอด App พี่สามารถทำอะไรได้หลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นการซื้อของ, เรียกแท็กซี่, โอนเงิน, หรือแม้กระทั่งการส่งอั่งเปาให้เพื่อน” 
“มันจะต้องทำงานได้แบบไร้รอยต่อ และจะไม่มีใครรู้ถึงความแตกต่าง” เขากล่าว

จีนเตรียมใช้เหรียญหยวนดิจิตอลโดยไม่สนใจเงินดอลลาร์

ในแง่ของนานาชาตินั้น นาย Woo ทำนายว่าทางประเทศจีนจะใช้เหรียญคริปโตของพวกเขาเพื่อค้าขายกับประเทศอื่นๆ แทนที่ดอลล่า
นาย Woo ทำนายว่ารัฐบาลประเทศจีนจะพยายามสร้างแรงจูงใจให้กับคู่ค้าของพวกเขาหันมาใช้เหรียญคริปโตของพวกเขา โดยหลักๆนั้นอาจมุ่งเป้าไปที่ประเทศที่เน้นการนำเข้าจากจีนเป็นอันดับต้นๆ
อย่างไรก็ตามนาย Woo ยังคงเคลือบแคลงใจว่ากลยุทธ์ดังกล่าวนั้นจะประสบความสำเร็จได้ในระยะสั้นหรือไม่ เนื่องจากว่าปัจจุบันแต่ละประเทศต่างก็กำลังมีการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับระบบเศรษฐกิจของตัวเองเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจในตอนนี้

https://siamblockchain.com/2020/06/15/china-could-roll-out-its-cbdc-without-anyone-realizing/

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เจ้าแรก!! ธนาคารกสิกร ร่วมกับสมาคมตราสารหนี้ไทย เปิดขายหุ้นกู้ผ่าน Blockchain

เจ้าแรก!! ธนาคารกสิกร ร่วมกับสมาคมตราสารหนี้ไทย เปิดขายหุ้นกู้ผ่าน Blockchain
ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ได้เสนอขายและออกหุ้นกู้สกุลเงินยูโรแก่ผู้ลงทุนสถาบันในประเทศผ่านทาง Blockchain
โดยทางด้าน นายจงรัก รัตนเพียร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย  ระบุว่า หุ้นกู้จะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 17 ล้านยูโร แบ่งเป็น 17,000 หน่วย อายุหุ้นกู้ 3 เดือน ดอกเบี้ย 0.52% ต่อปี และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ในระดับสูงสุดเอฟวันพลัส
โดยธนาคารกสิกรไทยถือเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทยที่เสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศผ่านโครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมธุรกรรมในโครงการทดสอบฯ นี้
ทั้งนี้ หุ้นกู้ที่เปิดขายในโครงการจะเป็นหุ้นกู้สกุลเงินยูโรชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และไม่มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ มูลค่าเสนอขายรวมทั้งสิ้น 17 ล้านยูโร แบ่งเป็น 17,000 หน่วย อายุหุ้นกู้ประมาณ 3 เดือน อัตราดอกเบี้ย 0.52% ต่อปี โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่อันดับความน่าเชื่อถือระดับสูงสุด ‘F1+(tha)’
อย่างไรก็ตาม การออกหุ้นกู้สกุลเงินยูโรมูลค่า 17 ล้านยูโรนี้ อยู่ในโครงการหุ้นกู้ธนาคารกสิกรไทย วงเงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้ธนาคารสามารถเสนอขายหุ้นกู้ภายใต้โครงการ Medium Term Note ได้ภายในระยะเวลา 2 ปี ถือเป็นการจัดหาช่องทางของแหล่งเงินทุนที่หลากหลายรูปแบบ ให้สามารถปรับใช้ตามสถานการณ์ของตลาด
นอกจากนี้ยังนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในงานนายทะเบียนหลักทรัพย์ โดยธนาคารร่วมกับสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ซึ่งได้รับการอนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้นำร่องโครงการ Registrar Service Platform Phase 1 (RSP1) และบรรจุอยู่ในโครงการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการให้บริการเกี่ยวกับตลาดทุน ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถือเป็นโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนในระยะที่ 1 ซึ่งสามารถรองรับการเสนอขายหุ้นกู้ได้หลายรูปแบบ หลายสกุลเงิน
จุดเด่นของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่นำมาใช้จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขาย ตรวจสอบ และเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
อ้างอิง : LINK

ธนาคารกลางสิงคโปร์ เตรียมร่วมมือกับจีน ในด้านของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)

ธนาคารกลางสิงคโปร์ เตรียมร่วมมือกับจีน ในด้านของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC)

มิถุนายน 20, 2020

ธนาคารกลางของสิงคโปร์ และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน ต้องการที่จะร่วมมือกับจีนในด้านของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือ CBDC

Ravi Menon กรรมการผู้จัดการของ Monetary Authority of Singapore หรือ MAS ได้กล่าวถึงความพร้อมของประเทศในการร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับจีนเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลในงาน financial forum ที่เซี่ยงไฮ้
Menon ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของจีนในการพัฒนา “หยวนดิจิตอล“(DCEP) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลของธนาคารกลางหรือ CBDC โดยทางด้านสิงคโปร์ซึ่งกำลังสำรวจ CBDC อยู่ด้วยเช่นกันก็ต้องการแลกเปลี่ยนความรู้และความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับ CBDC ร่วมกับประเทศจีน สำนักข่าว Sina Finance รายงานเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน
Menon รายงานว่าขณะนี้ CBDC เป็นหัวข้อที่ร้อนแรงมาก โดยสังเกตว่าสิงคโปร์และธนาคารกลางของจีนกำลังหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในการพัฒนา CBDC ในด้านต่างๆ โดยสรุปว่าเหตุผลในการพัฒนา CBDC นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ โดยเป้าหมายหลักของโครงการ CBDC ของสิงคโปร์คือการลดภาระการชำระเงินข้ามพรมแดนและลด settlement time และเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของธุรกรรม

เจ้าหน้าที่จาก MAS ยังส่งเสริมความร่วมมือกับ Libra ของ Facebook

Menon ยังพูดถึงโครงการ Libra ของ Facebook ว่าเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สำหรับระบบธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงยังมี “ความยืดหยุ่นสูง” และทีมงานของ Libra ก็ยังมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆทั่วโลก
“เราไม่ควรปฏิเสธคุณค่าของ Libra แต่ควรมีการพูดคุยกับพวกเขามากขึ้น” Menon กล่าว

จีนมีแผนใช้สกุลเงินดิจิตอลในการแข่งขันกับ USD และ Libra

ในเดือนมิถุนายน 2019 ธนาคารกลางของจีนรายงานว่า การเปิดตัวหยวนดิจิทัลของตนก่อนหน้า Libra ก็เพื่อต้องการที่จะเป็นผู้นำ และตอนนี้ “หยวนดิจิตอล” ของจีนก็กำลังทดสอบการใช้งานในบางเมืองแล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญมั่นใจว่าจีนอาจเปิดตัวหยวนดิจิทัลโดยที่ประชาชนไม่นสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเลยด้วยซ้ำไป
นอกจากนี้ จีนกำลังวางแผนในการสร้างสกุลเงินดิจิทัลแห่งเอเชียตะวันออก เพื่อความเป็นอิสรภาพมากขึ้นจากเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยมีรายงานว่าสกุลเงินดิจิทัลที่วางแผนไว้จะมีตะกร้าสกุลเงินซึ่งเป็นสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น หยวนจีน , เยนญี่ปุ่น , วอนเกาหลีใต้และดอลลาร์ฮ่องกง
อ้างอิง : LINK

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563

“หยวนดิจิตอล” ในมุมมองของคนจีน…พวกเค้าคิดอย่างไร ตื่นเต้นเหมือนเราหรือไม่?

“หยวนดิจิตอล” ในมุมมองของคนจีน…พวกเค้าคิดอย่างไร ตื่นเต้นเหมือนเราหรือไม่? 

มิถุนายน 13, 2020
ข่าวการเปิดตัว “หยวนดิจิตอล” หรือ DCEP นั้น เป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก ผู้คนในชุมชน Crypto ต่างถกกันถึงประเด็นต่าง ๆ เกี่ยวกับผลกระทบกันมากมาย แล้วในมุมมองของชาวจีนล่ะ พวกเค้าคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ?
เว็บไซต์ decrypt ได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องของ “หยวนดิจิตอล” จากการพูดคุยกับพลเมืองจีนจากทั่วประเทศไว้ว่า
“[DCEP] จะช่วยยกระดับสังคมไร้เงินสดในปัจจุบัน ในขณะที่ก็จะช่วยรักษาสถานะของเงินสดในรูปแบบ cryptocurrency” Lim Wei Ming ผู้จัดการท้องถิ่นของเครือโรงแรมแชงกรีล่าในเซินเจิ้นกล่าว
ขณะที่ content manager  จากบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีนกล่าวว่า เธอคุ้นเคยกับการชำระเงินด้วย WeChat Pay ไปแล้ว ดังนั้นเธอคงไม่เปลี่ยนไปใช้อย่างอื่น
“แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่า DCEP จะส่งเสริมตัวเองอย่างไรในอนาคต” Zhang Fan ที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งกล่าว และปฏิเสธที่จะระบุถึงบริษัทของเธอ
ในประเทศจีน การชำระเงินผ่านมือถือด้วยแอพเช่น WeChat Pay ของ Tencent และ Alipay ของอาลีบาบา นั้นมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยที่คนส่วนใหญ่จะใช้โทรศัพท์มือถือในการสแกน QR code ณ จุดขาย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้เงินสดแทบไม่จำเป็นอีกต่อไป แม้แต่ขอทานบนถนนในประเทศจีนก็ยังมี QR code ที่พิมพ์ออกมาเพื่อขอเงินจากเรา นอกจากนี้ บัตรเครดิตก็ไม่ได้รับความนิยมเช่นกัน เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่สูงสำหรับการทำธุรกรรม
“ในประเทศจีน การมาของ Alipay และ WeChat Pay ทำให้สังคมไร้เงินสดแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตของคนจีนไปแล้ว ดังนั้นพวกเค้าจะไม่รังเกียจ DCEP” Lim Wei Ming ผู้จัดการโรงแรมแชงกรีล่ากล่าวต่อ
ทางด้าน Da Lin เจ้าของร้านวิดีโอเกมก็ไม่ได้มีการใช้เงินสดที่ร้านค้าในเซินเจิ้นของเขามา 3 ปี แล้ว “สำหรับธุรกิจอย่างพวกเรา เราไม่ต้องการเงินสดเพราะมันง่ายกว่า แถมตอนนี้ก็แทบจะไม่มีใครใช้เงินสดกันแล้ว” 
แต่เมื่อถามความเห็นของเธอเกี่ยวกับหยวนดิจิตอล Da Lin ยักไหล่และตอบว่า “หากมันเป็นการชำระเงินเหมือนกัน ก็เท่ากับหยวนดิจิตอลก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางการชำระเงิน”
“มันไม่สำคัญว่าหยวนดิจิตอลจะมาทำให้เราดีขึ้นหรือแย่ลง เพราะตอนนี้ WeChat, Alipay หรือวิธีการชำระเงินอื่น ๆ มันก็ครอบคลุมแทบจะทุกพื้นที่ และทุกแง่มุมในชีวิตของเราไปหมดแล้ว” Da Lin กล่าวต่อ

คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ของ DCEP

“มันก็มีโอกาสเล็กน้อยที่วันนึง Tencent หรือ Alipay จะเกิดระบบล่ม ซึ่งนั่นก็อาจเพิ่มความต้องการ DCEP ได้เล็กน้อย” Zhiguo He ศาสตราจารย์ด้านการเงินจาก University of Chicago Booth School of Business กล่าว
แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่อาจไม่ได้สังเกตเห็นความแตกต่างของ DCEP กับวิธีการชำระเงินที่พวกเค้าใช้กันอยู่  “แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยจากมุมมองของผู้ใช้งาน แต่จากมุมมองของการกำกับดูแลของธนาคารกลาง สิ่งนี้คือรูปแบบทางการเงินในอนาคตของทั้งการชำระเงิน , การดำเนินธุรกิจ และการกำกับดูแลในสังคม ฯลฯ นี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา” Xu Yuan รองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวกับสำนักข่าว CCTV
“การทำธุรกรรมทางดิจิทัล แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน และเป็นเรื่องธรรมดาที่คนจะเริ่มใช้มันตราบใดที่พวกเขามีแอพของธนาคาร” อย่างไรก็ตาม ยังมีบางคนที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของโลกที่ไม่มีเงินสด
“ถ้าเราเก็บเงินสดไว้ในธนาคาร เราก็สามารถถอนเงินสดออกจากธนาคารได้ แต่ถ้าเงินสดกลายเป็นอิเล็คทรอนิกส์ไปหมด มันก็จะง่ายสำหรับคนที่จะขโมยมันผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ใช่ไหม” Mary Zheng ครูสอนวรรณคดีจีนในกวางโจวกล่าว 

ความเป็นส่วนตัว?

ในขณะที่สังคมกำลังกลายเป็นสังคมไร้เงินสดมากขึ้นเรื่อย ๆ แนวโน้มที่ DCEP จะได้รับการยอมรับก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน รวมถึงผู้คนก็อาจสูญเสียทางเลือกในการทำธุรกรรมโดยไม่ระบุตัวตนมากขึ้นตามไปด้วย
เช่นเดียวกับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางหลายแห่ง  หยวนดิจิตอลของจีนก็เป็นการทำให้รัฐบาลกลางสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการเฝ้าระวังการฟอกเงิน การต่อต้านการก่อการร้ายทางการเงิน และผลประโยชน์ในการป้องกันอาชญากรรมอื่น ๆ แต่ก็อาจหมายถึงการสูญเสียความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างมากเมื่อเทียบกับการใช้เงินสด
“หยวนดิจิตอล อาจทำให้ชีวิตของผู้ใช้ทั่วไปมีความโปร่งใสมากขึ้น แต่มันก็ง่ายขึ้นกับรัฐบาลด้วยเช่นกันในการเข้าถึงข้อมูล แต่คนทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำได้” Grace Li นักเรียนจากแผ่นดินใหญ่ ที่ศึกษาด้านการเงินและเศรษฐกิจที่มหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าว
ชาวจีนจำนวนมาก มีมองมุมมองของความเป็นส่วนตัวที่แตกต่างกันไป
“นอกประเทศจีน ฉันเห็นด้วยว่าประเด็นความเป็นส่วนตัวเป็นประเด็นที่ควรอภิปราย” นักเศรษฐศาสตร์ของ Chicago Booth กล่าว แต่เขาเสริมว่า “แต่สำหรับคนจีน ความเป็นส่วนตัวมีความหมายแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสิ่งที่คนตะวันตกคิด”
“ไม่มีอะไรที่เป็นความลับเมื่อคุณใช้แพลตฟอร์ม [มือถือ] เพื่อชำระเงิน เนื่องจากพวกเขามีการวิเคราะห์เพื่อติดตามพฤติกรรมของคุณ” Wei Ming ผู้จัดการโรงแรมแชงกรีล่ากล่าวต่อ  “การสแกนอะไรบางอย่างบนเว็บไซต์ของรัฐบาล นั่นก็เท่ากับว่าคุณได้ถูกติดตามแล้ว”
ขณะที่ชาวจีนอย่าง Da Lin เชื่อว่า คนที่ปฏิบัติตัวถูกต้องตามกฎหมายไม่ควรกลัวหรือกังวลสิ่งใด “ สกุลเงินดิจิทัลสามารถถูกติดตามและตรวจสอบได้ในประเทศจีน ฉันคิดว่าความเป็นส่วนตัวไม่สำคัญเพราะฉันใช้ [เงิน] ไปตามปกติ” Da Lin ผู้จัดการร้านวิดีโอเกมกล่าว
เอาล่ะครับ นี่ก็เป็นความเห็นคร่าว ๆ ของชาวจีนบางส่วน สุดท้ายแล้วไม่ว่าคนจีนจะมองอย่างไร แต่หยวนดิจิตอลก็จะเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเค้าอย่างแน่นอน
อ้างอิง : LINK

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2563

เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) คืออะไร สำหรับผู้เริ่มต้น

เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) คืออะไร สำหรับผู้เริ่มต้น

เคยได้ยินไหมครับว่า Blockchain เป็นเรื่องเข้าใจยาก วันนี้แอดมินเลยจะมาขอลองเล่าเกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชน ในแบบฉบับง่าย ๆ แบบที่ทุกคนเข้าใจได้ หวังว่าทุกคนจะเข้าใจกัน

การจดบันทึกทุกอย่างลงบนสมุด

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีผู้คนอยู่แค่เพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น แต่ก็นับว่าหมู่บ้านนี้ก็เป็น หมู่บ้านที่สงบเรียบร้อยดี ในวันหนึ่งเกิดสงครามได้เกิดสงครามขึ้น ทำให้หมู่บ้านนี้เกิดความกังวลหากเกิดสงคราม
สิ่งที่เกิดขึ้นคือผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านนี้จึงได้ทำการจดบันทึกรายชื่อของประชากรของคนในหมู่บ้านทันที เพราะอาจมีไส้ศึกปะปนเข้ามาในหมู่บ้านและส่งข้อมูลให้แก่ประเทศฝั่งตรงข้ามได้ โดยสมุดบันทึกเล่มนี้ถูกถือไว้โดยผู้ใหญ่บ้าน
อย่างไรก็ตามแม้หมู่บ้านนี้จะเล็กแต่ก็อยู่ในจุดชัยภูมิที่ดีเพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองต่างๆ จึงพยายามที่จะส่งไส้ศึกเข้ามา แรกๆไส้ศึกเหล่านั้นถูกจับได้ทั้งสิ้นเพราะ ผู้ใหญ่บ้านสามารถตรวจสอบสมุดบันทึกได้ว่าใครเป็นประชากรของหมู่บ้านบ้าง


แต่ไม่นานเมื่อข้าศึกรู้ว่าผู้ใหญ่บ้านใช้สมุดบันทึกนี้ในการตรวจสอบ ข้าศึกจึงมุ่งเป้าไปที่สมุดบันทึกเล่มนี้แทน โดยข้าศึกได้พยายามแอบเข้าไปในบ้านของผู้ใหญ่บ้านยามวิกาล และแก้ไขสมุดบันทึกนั้น แรกๆผู้ใหญ่บ้านก็ไม่รู้ว่าสมุดบันทึกนั้นโดนแก้ไข แต่พอสองสามวันถัดมาผู้ใหญ่บ้านเห็นร่องรอยการแก้ไข จึงรีบทำให้กลายเป็นเหมือนเดิม
ต่อมาข้าศึกจึงได้พยายามวางแผนในการติดสินบนผู้ใหญ่บ้านแรกๆผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ยอมรับ แต่ผู้ใหญ่บ้านก็ได้รับข้อเสนอมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่ง สุดท้ายผู้ใหญ่บ้านก็ยอมแก้สมุดบันทึกนั้น จึงทำให้มีไส้ศึกปะปนเข้ามาในหมู่บ้านและคอยส่งข่าวให้กับฝั่งตรงข้ามจนกระทั่งประเทศฝั่งตรงข้ามชนะสงครามและเผาทำลายหมู่บ้านแห่งนี้ในภายหลัง

สมุดบันทึกกับผู้ใหญ่บ้าน

จากที่เล่ามาเราจะเห็นว่าหากผู้ใหญ่บ้านไม่ยอมรับสินบนประเทศก็อาจจะไม่แพ้สงคราม แต่ในความเป็นจริงแล้ววิธีอื่นที่สามารถทำได้ก็ยังมีอีกมากมายไม่ว่าจะ ลักพาตัว จับตัวประกัน หรือแม้แต่ฆ่าผู้ใหญ่บ้านทิ้งก็สามารถทำได้ 


รูปแบบสมุดบันทึกกับผู้ใหญ่บ้านที่เกิดขึ้นในในภาษาทางการเราจะเรียกว่า ”ระบบตัวกลางล้มเหลว” (Single point of failure) ซึ่งในความเป็นจริงตลอดยุคประวัติศาสตร์ของเรานั้นเราใช้ระบบตัวกลางนี้มาตลอดไม่ว่าจะเป็นการจดบันทึกประชากรไปจนถึง การจดบัญชีเงินในธนาคาร
ระบบตัวกลางเช่นนี้ไมได้มีแต่ข้อเสียเสมอไปเพราะอย่างไรมันก็ใช้ได้ระดับหนึ่งและยังมีการเสริมความปลอดภัยมากมาย แต่สุดท้ายแล้วระบบนี้ก็ไม่สามารถแก้ไขเรื่องการล้มเหลวของตัวกลางได้ ตลอดประวัติศาสตร์ของเรามีปัญหานี้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน เราอาจจะเห็นข่าวที่มีพนักงานธนาคารเป็นคนยักยอกเงินของลูกค้า นี่ก็เป็นปัญหารูปแบบหนึ่งของปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบบที่ต้องพึ่งตัวกลางนั่นเอง

Blockchain กับการนำเสนอทางออกของ Satoshi Nakamoto

ในปี 2008 ปัญหาตัวกลางนี้ก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งอย่างร้ายแรง แต่คราวนี้มันไม่ใช่แค่สมุดบันทึกข้อมูลประชากร แต่มันคือตัวเลขในตลาดที่ดินของสหรัฐอเมริกา มีการเปลี่ยนตัวเลขของผลตอบแทนในตลาดซื้อขายที่ดินเป็นกระบวนการครั้งใหญ่ เมื่อเรื่องแดงความเสียหายต่อเศรษฐกิจจึงมหาศาลผู้คนตกงานและมีผลกระทบเป็นทอดๆไปทั่วโลกไม่ต่างจากผลของสงคราม
นั้นทำให้มีโปรแกรมเมอร์ปริศนาคนหนึ่งได้นำเสนอสิ่งที่เรียกว่า Bitcoin ซึ่งเป็นรูปแบบของเงินอิเล็คทรอนิคส์ที่สามารถแก้ปัญหาตัวกลางล้มเหลวที่มีมาตลอดประวัติศาสตร์ได้ โดยเทคโนโลยีที่ทำงานอยู่เบื้องหลังนี้มีชื่อว่า Blockchain

Blockchain คืออะไร?

โดยพื้นฐานเทคโนโลยี Blockchain คือรูปแบบของการเก็บข้อมูลบน database รูปแบบหนึ่งโดยมีคุณสมบัติหลัก 2 อย่างดังนี้
1. การกระจายข้อมูลไปเก็บหลายๆที่ 
ถ้าเราย้อนกลับไปในตัวอย่างหมู่บ้านในตอนต้นในเมื่อการที่ผู้ใหญ่บ้านถือสมุดบันทึกคนเดียวนั้นเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรง สิ่งที่หมู่บ้านควรทำคือ “ให้มีคนเก็บสำเนาของสมุดบันทึกมากกว่า 1 คน” ซึ่งในจุดนี้อาจจะเป็นตัวแทนที่ถูกเลือกมาหลายๆคนหรือทั้งหมู่บ้านเลยก็ได้ 


ในเมื่อมีผู้คนหลายคนเป็นผู้เก็บสมุดบันทึกประชากรในหมู่บ้าน เมื่อมีการที่จะแก้ไขรายชื่อคนในหมู่บ้าน ทุกคนที่เก็บสมุดบันทึกก็ต้องมารวมตัวกันเพื่อตกลงในการแก้สมุดบันทึก โอกาสที่หัวหน้าหมู่บ้านคนเดียวจะแก้ไขสมุดบันทึกโดยไม่มีคนอื่นล่วงรู้ได้จึงไม่มีอีกต่อไป
หากกรณีที่ประเทศฝั่งตรงข้ามต้องการจะติดสินบนผู้ที่ถือสมุดบันทึก การติดสินบนแค่หัวหน้าหมู่บ้านเพียงคนเดียวจึงไม่เพียงพอ เขาต้องให้สินบนแก่คนทุกคนที่ถือสมุดบัญชี และยิ่งถ้าจำนวนคนที่ถือสมุดบัญชีมีมาก สินบนนั้นก็ต้องมากขึ้นตามและอาจจะมีคนที่ไม่ยอมรับสินบนด้วยซ้ำ ทำให้โอกาสที่จะปลอมแปลงสมุดบันทึกนี้น้อยลงจนแทบเป็นไปไม่ได้เหรือาจต้องใช้ทุนที่มหาศาลมากๆ
2. การเก็บข้อมูลแบบห่วงโซ่


อีกสิ่งที่หนึ่งที่ Blockchain ทำคือการสร้างการเก็บข้อมูลแบบห่วงโซ่หรือมีการอ้างอิงกัน ในสมุดบันทึกแบบดั้งเดิมข้อมูลจะถูกเขียนลงทีละบรรทัดๆ แต่สิ่งที่ Blockchain ทำคือหลังจากที่ ข้อมูลถูกเขียนลงในบรรทัดนั้น เราจะเขียนข้อมูลของบรรทัดก่อนหน้าลงไปในบรรทัดนั้นๆด้วย


หากมีคนพยายามจะปลอมแปลงสมุดบันทึกนั้น จะพบว่าการปลอมแปลงข้อมูลที่ถูกเขียนไปแล้วเป็นสิ่งที่ยากลำบากเอามากๆ เพราะถ้าหากเขาต้องการจะแก้ข้อมูลที่เกิดขึ้นล่าสุดอาจจะพอเป็นไปได้ แต่การแก้ข้อมูลที่ถูกเขียนไปเป็นเวลานานแล้วนั้น การแก้ข้อมูลจะต้องแก้ตั้งแต่ข้อมูลบรรทัดล่าสุดไปจนถึงบรรทัดที่เราต้องการแก้ ส่งผลให้ต้นทุนในการแก้ข้อมูลนั้นสูงมากๆ เว้นแต่ว่าทุกคนที่เก็บสมุดบันทึกนั้นจะแก้ข้อมูลพร้อมกัน
Note: จริงๆในขั้นตอนนี้จะมีการเข้ารหัสเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เนื่องจากมันอาจจะทำความเข้าใจยากเลยขอไม่กล่าวถึงเพียงแค่ให้เข้าในแนวคิดของการเก็บแบบห่วงโซ่เท่านั้น

ประโยชน์ของเทคโนโลยี Blockchain

สิ่งที่ Blockchain มอบให้นั้นคือระบบฐานข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงมากและสามารถกำจัดปัญหาตัวกลางที่กล่าวไว้ข้างต้นได้ด้วย ทำให้เทคโนโลยี Blockchain มีประโยชน์มากในระบบใดก็ตามที่ต้องการความปลอดภัยของข้อมูลที่สูงมาก ทำให้เราสามารถเชื่อได้ว่าข้อมูลนี้มีความน่าเชื่อถือสูง Blockchain จึงมีประโยชน์มากในระบบที่ต้องการ การตรวจสอบปริมาณมากเช่น
  • การโอนเงินนำนวนมากๆ หรือการโอนเงินข้ามโลก
  • การโอนที่ดิน
  • การตรวจสอบคุณภาพสินค้า


Blockchain สามารถทำให้ขั้นตอนเหล่านี้นั้นกระชับขึ้นและมีต้นทุนที่ต่ำลงในแง่การจัดการและในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลนั้นเป็นสิ่งมีมูลค่าการนำข้อมูลไปไว้บน Blockchain ที่ทำให้สามารถถ่ายโอนได้อย่างสะดวกและปลอดภัยนั้นทำให้ข้อมูลทั้งหลายที่ไม่เคยมีมูลค่ามีค่าขึ้น เช่นแนวคิดของ Cryptocurrency ที่เป็นสกุลเงินเสมือนอย่าง Bitcoin หรือแม้แต่การแปลงสินทรัพย์ทุกอย่างบนโลกให้กลายเป็นสินทรัพย์ในแนวคิดของ Digital asset  เป็นต้น

ข้อเสียของเทคโนโลยี Blockchain

แม้เทคโนโลยี Blockchain จะเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจ แต่มันก็มีข้อเสียถ้าเราดูตัวอย่างจากตอนต้นการที่สมุดบันทึกนั้นถูกเก็บที่คนหลายๆคนนั้นก็มีข้อเสียตรงที่เราต้องมีสมุดบันทึกหลายเล่ม นั้นเท่ากับว่าต้นทุนมันแพงกว่าสมุดบันทึกเล่มเดียวแน่นอน
นอกจากนี้การจะเขียนข้อมูลในแต่ละครั้งจะต้องได้รับการยินยอมจากคนอื่นๆอีกด้วย นั้นเท่ากับว่าการเขียนข้อมูลนั้นไม่สามารถทำได้รวดเร็ว เพราะต้องมีการให้หลายคนยินยอม เท่ากับว่าแม้ Blockchain จะมอบความปลอดภัยของข้อมูลก็ตามแต่ ต้นทุนการบริหารจัดการนั้นค่อนข้างแพงกว่าระบบตัวกลางแบบเดิมและยังช้ากว่าด้วย แต่หากความปลอดภัยของข้อมูลเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าความเร็ว หรือต้นทุนในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลในระบบตัวกลางนั้นสูงมาก การเลือกใช้บล็อกเชนอาจเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

ขอบคุณข้อมูล
https://bitcoinaddict.org/2020/06/09/what-is-blockchain-technology-for-beginners/?utm_source=izooto&utm_medium=push_notification&utm_campaign=Bitcoin_Addict

“Blockchain จะเป็นผู้นำในโลกยุคดิจิตอล” รองประธาน China Wanxiang Holdings กล่าว

“Blockchain จะเป็นผู้นำในโลกยุคดิจิตอล” รองประธาน China Wanxiang Holdings กล่าว   
มิถุนายน 8, 2020
Dr. Xiao Feng รองประธานบริษัทด้านการลงทุน China Wanxiang Holdings ซึ่งได้เข้าร่วมงานประชุม Global Investment and M&A Summit ครั้งที่ 7  ในเซี่ยงไฮ้ ได้กล่าวว่า “Blockchain จะเป็นผู้นำในโลกยุคดิจิตอล” ตามรายงานข่าวท้องถิ่นเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน
Dr. Xiao ได้กล่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล โดยเขาเชื่อว่า blockchain และเทคโนโลยีอื่น ๆ จะเป็นเครื่องมือที่เราต้องตระหนักถึงในยุคดิจิตอลนี้ 
“Blockchain เป็นกลไกที่สร้างความน่าเชื่อถือแบบดิจิตอล เนื่องจากคุณสมบัติของการป้องกันการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลง และเมื่อเราย้ายข้อมูลเหล่านี้ไปยังบล็อกเชน ข้อมูลเหล่านี้จึงไม่สามารถแก้ไขได้”

โลกยุคดิจิตอลเป็นเรื่องจริง

Dr. Xiao เชื่อว่าหลังจากจบการระบาดใหญ่ของ COVID-19 โลกยุดดิจิทัลไร้พรมแดนจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาแล้ว 
“ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยีดิจิตอล ทำให้แรงงานสามารถซื้อขายได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และพนักงานไม่จำเป็นต้องย้ายจากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศจีนแม้ว่าอุตสาหกรรมจะย้ายไปยังประเทศจีน”

แนวโน้มโลกยุคดิจิตอล

Dr. Xiao เชื่อว่า โลกยุคดิจิตอลจะส่งผลกระทบต่อระบบการจัดการองค์กรของบริษัทหลายแห่ง มี บริษัทจำนวนมากที่เปลี่ยนการดำเนินงานมาเป็นออนไลน์ ดังนั้นวิธีดั้งเดิมที่บริษัทจะใช้ประเมินประสิทธิภาพของพวกเขาอาจจะใช้ไม่ได้ และอาจจะมีกรอบการกำหนดแบบใหม่ที่เรียกว่า “Objectives and Key Results” หรือ OKR
“เพราะเราต้องทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดด้วยกันในเวลาและสถานที่ที่แตกต่างกัน เราจำเป็นต้องมีความโปร่งใส และสอดคล้องกับเป้าหมายของเรา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือ OKR”
ก่อนหน้านี้นักลงทุนและมหาเศรษฐีอย่าง Tim Draper ก็เชื่อว่านวัตกรรมทางการเงินแบบดิจิตอลเช่น Bitcoin , smart contracts และปัญญาประดิษฐ์หรือ AI จะนำไปสู่โลกยุคดิจิตอลมากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2563

จีนอาจแบ่ง “หยวนดิจิตอล” ส่วนหนึ่งเพื่อใช้นอกประเทศ: ผู้ก่อตั้ง NEO กล่าว

จีนอาจแบ่ง “หยวนดิจิตอล” ส่วนหนึ่งเพื่อใช้นอกประเทศ: ผู้ก่อตั้ง NEO กล่าว  

  • Radius
  •  มิถุนายน 4, 2020
  •   

    ผู้ก่อตั้ง NEO คิดว่าจีนอาจแบ่งส่วนหนึ่งของ Supply “หยวนดิจิตอล” หรือ DCEP เพื่อนำไปใช้ในต่างประเทศ



    ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกลัวว่าการเกิดขึ้นของ DCEP (digital currency electronic payment) อาจเป็นการท้าทายต่อ USD อย่างจริงจัง  ซึ่งทางด้านผู้ก่อตั้งเหรียญ NEO กล่าวว่า  ธนาคารกลางของจีนหรือ PBOC ตั้งใจที่จะแบ่งส่วนหนึ่งของ Supply ของเหรียญเพื่อนำไปใช้ในต่างประเทศ
    จากข้อมูลของ Bloomberg  จีนนั้นมีความทะเยอทะยานที่ให้ประชากรหันมาใช้ “หยวนดิจิตอล”’ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐและทำให้การควบคุมทางการเงินของพวกเขายิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ
    อย่างไรก็ตาม Bloomberg ยังกล่าวด้วยว่า  อาจมีการวางแผนทดสอบการใช้งาน DCEP ในระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในเมืองหลวงของจีนที่จะจัดขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้าอีกด้วย
    ความตั้งใจของจีนในการสร้างและใช้สกุลเงินดิจิทัลของตัวเองนั้นดูจริงจังอย่างมาก แต่กลับยังคงห้ามการใช้จ่ายด้วย Bitcoin และการซื้อขาย BTC ในประเทศของตนเช่นเดิม
    นักวิเคราะห์เชื่อว่า DCEP จะช่วยให้จีนสามารถควบคุมธุรกรรมการเงินของประชากรได้อย่างมหาศาลซึ่งรัฐไม่เคยทำได้เลยกับธนบัตร
    ผู้สร้างเหรียญ NEO ซึ่งเคยถูกเรียกว่าเป็น ‘Chinese Ethereum’ Da Hongfei ได้บอกกับ Bloomberg ว่า PBOC อาจจัดสรรส่วนหนึ่งของ DCEP เพื่อใช้นอกประเทศจีน  ซึ่งจะคล้ายกับหยวนในต่างประเทศที่ใช้ในการซื้อขายกับเงินตราต่างประเทศ
    นอกจากนี้ นักลงทุน VC Anthony Pompliano ได้เปิดเผยว่า  สหรัฐฯจำเป็นต้องเริ่มสร้าง USD ดิจิทัลโดยเร็วที่สุด  เนื่องจากจีนอาจได้รับประโยชน์จากการเปิดตัวหยวนดิจิทัล (DCEP) ของพวกเขาก่อน  และใช้มันในการค้าระหว่างประเทศและการเงิน

    วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2563

    ผู้ว่าฯธนาคารกลางจีนประกาศยืนยันส่วนสำคัญในการพัฒนาหยวนดิจิทัลสำเร็จแล้ว

    ผู้ว่าฯธนาคารกลางจีนประกาศยืนยันส่วนสำคัญในการพัฒนาหยวนดิจิทัลสำเร็จแล้ว พฤษภาคม 31, 2020

    ปัจจุบันธนาคารประชาชนจีนยังไม่ได้มีการกำหนดวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับเงินหยวนดิจิทัล แต่กระนั้นก็มีภาพหลุดของแอปมือถือตัวใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาที่แสดงให้เห็นว่ากำลังมีการทดสอบสกุลเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (DC / EP) ภายในประเทศ ซึ่งประเทศที่มีเศรษฐกิจยิ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ดูเหมือนว่าจะกำลังวางแผนยกระดับสกุลเงินครั้งใหญ่
    ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม หลังจากการประชุมรัฐสภาประจำปีของจีนหรือที่เรียกว่า “การประชุมสองสภา (Two Sessions)” นาย Yi Gang ผู้ว่าการธนาคารกลางได้กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของประเทศเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลว่า : 
    “ปัจจุบันเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก การพัฒนาและการใช้สกุลเงินดิจิทัลที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นเอื้อต่อความต้องการของประชาชนที่มีให้กับสกุลเงินภายใต้เงื่อนไขของเศรษฐกิจดิจิทัล สิ่งนี้จะเป็นการยกระดับความสะดวกสบาย , ความปลอดภัย , การต่อต้านการฟอกเงินและเร่งการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับของประเทศ” 
    “DC / EP ได้เสร็จสิ้นกระบวนการออกแบบระดับบนสุด (top-level) อย่างสมบูรณ์แล้ว ซึ่งประกอบไปด้วยการกำหนดมาตรฐาน , การพัฒนาฟังก์ชั่น , การทดสอบ , การแก้ไขข้อบกพร่อง และอื่น ๆ  ภายใต้สมมติฐานของการดำเนินการแบบสองชั้น (double-layer , การแทนที่เงินสด (M0) รวมถึงการควบคุมอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย”

    DC / EP เป็นระบบสองชั้นคือ 1) ธนาคารกลางไปยังธนาคารพาณิชย์และ 2) ธนาคารพาณิชย์ไปยังผู้ใช้รายย่อย โดยการทดสอบโปรเจคนำร่องสำหรับผู้บริโภครายย่อยนั้นจะยังคงดำเนินการอยู่ในสี่เมืองหลัก ๆ นั่นก็คือ เซินเจิ้น , เฉิงตู , ซูโจวและ สงอันและตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสกุลเงินที่ธนาคารกลางใช้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเวทีโลก
    ด้วยระบบการแลกเปลี่ยนที่คาดว่าจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สกุลเงินดิจิทัลในประเทศจะทำให้จีนได้เปรียบอย่างมากในเรื่องของความเร็วในการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนและการเข้าถึงผ่านอุปกรณ์มือถือสำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร นอกจากนี้มันยังจะช่วยให้รัฐบาลสามารถติดตามธุรกรรมทุกรายการในระบบปิดที่ใช้การเข้ารหัสแบบอสมมาตรอีกด้วย
    การทดสอบกำลังดำเนินการในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่การขนส่ง , การค้าปลีกไปจนถึงการจ่ายเงินเดือนของบริษัท
    นาย Shirley Yu จากมหาวิทยาลัย Harvard Kennedy กล่าวในระหว่างการสัมภาษณ์กับทางสำนักข่าว CNA Insider ว่า
    “แฟรนไชส์ของอเมริกาเช่น McDonald’s, Starbucks และ Subway จะกลายเป็นร้านค้ารายแรก ๆ ของหยวนดิจิทัล”
    “เงินดิจิทัลแบบรวมศูนย์อำนาจ” กำลังท้าทายแนวคิดที่ว่าระบบการเงินโลกจะยังคงพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐไปตลอดหรือไม่ ?
    นาย Yu กล่าวต่อว่าเทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงสกุลเงินประจำชาติจีนในรูปแบบดิจิทัลเท่านั้น แต่เงินหยวนดิจิทัลยังมีวัตถุประสงค์ที่จะนำมาใช้ทดแทนเงินสดที่เราเรียกว่า M0 อีกด้วย ตัวอย่างเช่นเมื่อธนาคารกลางต้องการพิมพ์เงินขึ้นมาหนึ่งร้อยหยวนแทนที่จะพิมพ์ในรูปแบบของธนบัตร พวกเขาก็สามารถออกหยวนแบบดิจิทัลแทน
    นาย Yu เสริมว่า “ดังนั้น DC / EP จึงไม่ได้เพิ่มสกุลเงินใด ๆ เข้ามาในระบบ แต่จะเป็นการเข้ามาทำหน้าที่แทน M0”
    นาย Ben Cavender กรรมการผู้จัดการของ China Market Research Group กล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด
    โดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ก็คือ “เราจะนำเงินกระดาษที่มีอยู่ในปัจจุบันไปใช้ในเศรษฐกิจและเราจะกำจัดมันออกไปและแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัล”
    เสียงความคาดหวังในระยะสั้นสำหรับวิธีการที่เงินหยวนดิจิทัลจะเข้ามาแทนที่สกุลเงินเบอร์หนึ่งของโลกอย่างเงินดอลลาร์สหรัฐนั้นเริ่มเงียบลง โดยนาย Cavender กล่าวว่า :
    “ในระยะสั้นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะยังคงเป็นที่หลุมหลบภัยในช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ในระยะยาวผมคิดว่าเงินสดทั้งหมดจะถูกย้ายไปสู่สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และไม่ว่าจะเป็นประเทศจีนหรือประเทศอื่น ๆ ก็อาจสร้างสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขาขึ้นมาภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”
     ขอบคุณแหล่งข้อมูล
    https://siamblockchain.com/2020/05/31/governor-of-the-peoples-bank-of-china-confirms-completion-of-critical-advancements-of-the-digital-yuan/