วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2563
“หยวนดิจิทัล” จะทำงานร่วมกับ WeChat และ Alipay : ผู้บริหารธนาคารประชาชนจีนกล่าว
ตุลาคม 27, 2020
Mu Changchun หัวหน้าสถาบันวิจัยสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารประชาชนจีน (PBOC) กล่าวว่าเงิน “หยวนดิจิทัล” ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางจะเข้ากันได้กับกระเป๋าเงินบนมือถือรายใหญ่เช่น WeChat Pay และ Alipay ตามรายงานของ South China Morning Post ระบุว่า Mu ได้กล่าวในระหว่างการประชุมว่าเงินหยวนดิจิทัลจะไม่ได้สร้างมาเพื่อแข่งขันกับ WeChat Pay และ Alipay:
“WeChat และ Alipay คือกระเป๋าเงิน ในขณะที่เงินหยวนดิจิทัลคือเงินที่อยู่ในกระเป๋า”
คำแถลงล่าสุดเหล่านี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกับรายงานก่อนหน้านี้จากแหล่งข่าวในท้องถิ่นที่บอกว่าจีนอาจเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลเพื่อเป็นทางเลือกให้กับยักษ์ใหญ่ด้านการชำระเงินทั้งสอง ปัจจุบันเงินหยวนดิจิทัลสามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ใช้ผ่านแอปพลิเคชันกระเป๋าเงินบนมือถือพิเศษ ซึ่งในการประชุม Mu กล่าวว่ากระเป๋าเงินมือถือสำหรับเงินหยวนดิจิทัลเผชิญกับปัญหาการปลอมแปลง โดยระบุว่ามีกระเป๋าเงินหยวนดิจิทัลปลอมเกิดขึ้นมากมายในตลาด และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากปัญหากระเป๋าเงินปลอม Mu กล่าวว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ธนาคารกลางไปจนถึงผู้ใช้จะต้องใช้ความระมัดระวัง Mu ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าเงินหยวนดิจิทัล ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานแบบ centralized โดยแตกต่างจากสกุลเงินเช่น Libra ของ Facebook และ Bitcoin ( BTC )
อ้างอิง : LINK
Tag : adoption, bank, blockchain, cbdc, china, cryptocurrency, DCEP, news, payment
https://bitcoinaddict.org/2020/10/27/digital-yuan-will-work-with-wechat-and-alipay-says-bank-exec/?fbclid=IwAR10mYL4EJ-tf_Y6CvYnXTOgGyFyXwqcLHtIJ0Fg8C2ra2MVULMEgBVORXQ
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563
เผยภาพ “หยวนดิจิทัล” ที่รัฐบาลเซินเจิ้นแจกให้ไปลองใช้ โดยมีคนจีนลงทะเบียนเกือบ 2 ล้านคน
เผยภาพ “หยวนดิจิทัล” ที่รัฐบาลเซินเจิ้นแจกให้ไปลองใช้ โดยมีคนจีนลงทะเบียนเกือบ 2 ล้านคน ตุลาคม 13, 2020 โครงการนำร่องของเงิน “หยวนดิจิทัล” ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลเมืองเซินเจิ้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยจากรายงานล่าสุดพบว่ามีชาวจีนให้ความสนใจมาร่วมลงทะเบียนกันกว่า 1,193,800 คนในโครงการ “Luohu Digital RMB Red Packet” ซึ่งเป็นโครงการสุ่มแจกหยวนดิจิทัลที่ริเริ่มโดยรัฐบาลเซินเจิ้น โปรแกรมนี้ถูกแจกในรูปแบบของลอตเตอรี ซึ่งจะมีผู้โชคดีทั้งสิ้น 50,000 คนที่จะได้รับสิ่งที่เรียกว่า “ซองแดง” ซึ่งประกอบด้วย 200 หยวนดิจิทัล โดยฌครงการนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดสอบเงินหยวนดิจิทัลในระดับที่ใหญ่ขึ้น โดยเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2020 “ซองแดง” ทั้งหมด 50,000 ซอง ได้ถูกจับฉลากและกำลังอยู่ในขั้นตอนการแจกจ่ายให้กับผู้ชนะ เป้าหมายของโครงการนี้คือเพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในภูมิภาค และทำให้เงินหยวนดิจิทัลเข้าใกล้กับผู้คนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ผู้โชคดีทั้ง 50,000 คน สามารถนำเงินหยวนดิจิทัลที่ได้รับแจกไปใช้ได้กับร้านค้ามากกว่า 3,300 แห่งจนถึงวันที่ 18 ตุลาคม โดยผู้ใช้สามารถค้นหารายชื่อร้านค้าทั้งหมดได้บน iShenzhen แพลตฟอร์ม อ้างอิง : LINK Tag : china, cryptocurrency, DCEP, news https://bitcoinaddict.org/2020/10/13/almost-2-million-people-applied-for-shenzhens-digital-yuan-red-packets/
วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563
รัฐบาลเซินเจิ้น ประกาศสุ่มแจก DCEP (หยวนดิจิทัล) รวมกว่า 10 ล้านหยวน ให้กับผู้อยู่อาศัย 50,000 คน
รัฐบาลเซินเจิ้น ประกาศสุ่มแจก DCEP (หยวนดิจิทัล) รวมกว่า 10 ล้านหยวน ให้กับผู้อยู่อาศัย 50,000 คน
“หยวนดิจิทัล” กำลังได้รับการส่งเสริมอย่างมากในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยล่าสุดรัฐบาลเซินเจิ้นประกาศจะสุ่มแจก DCEP รวมกว่า 10 ล้านหยวนให้กับผู้อยู่อาศัย 50,000 คน
กิจกรรมดังกล่าวเป็นการสุ่มแจกซองแดงมูลค่ารวมกว่า 10 ล้านหยวนดิจิทัล โดยแต่ละซองแดงจะมีมูลค่า 200 หยวนดิจิทัล และมีจำนวนซองแดงทั้งสิ้น 50,000 ซอง
บุคคลที่อยู่ในเซินเจิ้นสามารถลงทะเบียนเพื่อลุ้นรางวัลได้ผ่านทางแพลตฟอร์ม “iShenzhen”
ในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรม ประชาชนต้องกรอกชื่อส่วนตัว บัตรประชาชน และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ขณะที่หน้าการลงทะเบียนยังแสดงชื่อของธนาคารของรัฐ 4 แห่ง ได้แก่ China Construction Bank, People’s Bank, Industrial and Commercial Bank และ Agricultural Bank
รัฐบาลจะประกาศรายชื่อผู้โชคดีในช่วงกลางเดือนนี้ จากนั้นจะมีติดตามรายละเอียดการใช้กระเป๋าเงิน DCEP ต่อไป
เงินรางวัลสามารถนำใช้ได้ที่ร้านค้า 3,389 แห่ง ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงระบบเพื่อรองรับหยวนดิจิทัล ในเขต Luohu ตั้งแต่เวลาวันที่ 12 ตุลาคมถึงวันที่ 18 ตุลาคม
ข้อจำกัดกิจกรรมนี้มี 2 ข้อคือ : 1. ผู้ใช้ต้องลงทะเบียนกระเป๋าสตางค์ในธนาคารที่กำหนด 2. ผู้ใช้ต้องใช้จ่ายเฉพาะในร้านค้าที่รองรับเท่านั้น
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนเพิ่งเผยว่ามีการทำธุรกรรมในสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง “หยวนดิจิตทัล” ไปแล้วกว่า 3.13 ล้านรายการ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านหยวน (162 ล้านดอลลาร์) จนถึงขณะนี้ เปิดเผยโดยรองผู้ว่าการธนาคารประชาชนของจีน นอกจากนี้ยังมีการสร้างกระเป๋าเงินไปแล้วมากกว่า 122,000 wallet
Tag : china, cryptocurrency, DCEP, news, payment
https://bitcoinaddict.org/2020/10/09/shenzhen-government-announce-10-million-dcep-digital-yuan-to-50000-residents/
https://bitcoinaddict.org/2020/10/09/shenzhen-government-announce-10-million-dcep-digital-yuan-to-50000-residents/
https://bitcoinaddict.org/2020/10/09/shenzhen-government-announce-10-million-dcep-digital-yuan-to-50000-residents/
วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2563
กระเป๋าเงิน “หยวนดิจิทัล” ถูกสร้างไปแล้วกว่า 122,000 wallet และมีการทำธุรกรรมไปแล้วกว่า 3.13 ล้านรายการ
กระเป๋าเงิน “หยวนดิจิทัล” ถูกสร้างไปแล้วกว่า 122,000 wallet และมีการทำธุรกรรมไปแล้วกว่า 3.13 ล้านรายการ
มีการทำธุรกรรมในสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจีน “หยวนดิจิตทัล” ไปแล้วกว่า 3.13 ล้านรายการ ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.1 พันล้านหยวน (162 ล้านดอลลาร์) จนถึงขณะนี้ เปิดเผยโดยรองผู้ว่าการธนาคารประชาชนของจีน นอกจากนี้ยังมีการสร้างกระเป๋าเงินไปแล้วมากกว่า 122,000 wallet
ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) กำลังทดสอบสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) อย่างจริงจัง โดยรองผู้ว่าการ PBOC Fan Yifei ได้อัปเดตความคืบหน้าของการทดสอบเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รายงานจาก South China Morning Post
โครงการนำร่องมี “ความก้าวหน้าในเชิงบวก”อย่างมาก โดยรองผู้ว่าการกล่าวว่ามีธุรกรรม 3.13 ล้านรายการ มูลค่า 1.1 พันล้านหยวนได้รับการประมวลผลโดยใช้สกุลเงินดิจิทัล ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา โดยสกุลเงินดิจิทัลได้อำนวยความสะดวกในการใช้งานมากกว่า 6,700 กรณี ตั้งแต่การชำระบิล , การขนส่ง ไปจนถึงบริการของรัฐบาล โดย Fan อธิบายรายละเอียดว่ามีการใช้วิธีการชำระเงินหลายวิธีรวมถึงบาร์โค้ด , การจดจำใบหน้า และการทำธุรกรรมแบบ tap-and-go
Fan ยังกล่าวอีกว่า ผู้ใช้ได้สร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัวไปแล้วมากกว่า 113,300 wallet และกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับองค์กรประมาณ 8,800 wallet โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่อง นอกจากนี้ รองผู้ว่ายังอธิบายว่ารัฐบาลเซินเจิ้นได้ใช้เงินหยวนดิจิทัลเพื่อตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพประมาณ 5,000 คนที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย COVID -19
ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้อธิบายว่า ผู้ทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลหรือที่เรียกว่า Digital Currency Electronic Payment (DC / EP)“ สามารถใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลเพื่อ เติมเงินในบัญชี , ถอนเงิน , ชำระเงิน , และโอนเงิน หลังจากลงทะเบียนด้วยหมายเลขโทรศัพท์มือถือของพวกเขา
อ้างอิง : LINK
https://bitcoinaddict.org/2020/10/08/china-digital-currency-3-million-transactions-billion-yuan/
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2563
"วันหนึ่ง..ทุกคนในโลกจะใช้เงินหยวนดิจิทัล (DCEP)” Chandler Guo ผู้บุกเบิกด้าน Cryptocurrency กล่าว
"วันหนึ่ง..ทุกคนในโลกจะใช้เงินหยวนดิจิทัล (DCEP)” Chandler Guo ผู้บุกเบิกด้าน Cryptocurrency กล่าว
Chandler Guo ผู้บุกเบิก Cryptocurrency กล่าวว่า “เงินหยวนดิจิทัล“(DCEP) ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกลางของจีนจะกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจโลกในอนาคต
Guo ซึ่งก่อตั้งเหมืองขุด bitcoin เป็นครั้งแรกในปี 2014 ในจีนคาดการณ์ว่า digital currency electronic payment (DCEP) หรือหยวนดิจิทัลของประเทศจะกลายเป็นสกุลเงินที่โดดเด่น โดยเขากล่าวว่า “วันหนึ่ง ทุกคนในโลกจะใช้งาน DCEP”
เขากล่าวต่อว่า เงินหยวนดิจิทัลของจีนจะประสบความสำเร็จในหมู่พลเมือง 39 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ โดยเขาอ้างว่าการที่มีคนจีนอยู่ทั่วโลกจะเปลี่ยน DCEP ให้เป็นสกุลเงินระหว่างประเทศโดยการทำธุรกรรมกับแผ่นดินใหญ่
แม้จะมองโลกในแง่ดี แต่คนอื่น ๆ ก็กังวลว่าทางการจีนจะใช้สกุลเงินนี้เพื่อทำลายการครอบงำของดอลลาร์
รัฐบาลจีนเชื่อว่าหากประเทศอื่น ๆ สามารถใช้สกุลเงินจีนได้ มันจะสามารถทำลายอธิปไตยทางการเงินของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสหรัฐอเมริกาได้สร้างระบบการเงินไปทั่วโลกในปัจจุบัน
อ้างอิง : LINK
https://bitcoinaddict.org/2020/09/28/everyone-will-use-chinas-digital-currency-says-bitcoin-and-ether-startup-investor/
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2563
ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) มองว่าสกุลเงินดิจิทัลเป็น ‘สนามรบแห่งใหม่’ ในการเงินระดับโลก
ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเดิมพันของการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางของประเทศ
บทความที่ตีพิมพ์ใน PBOC การเงินสุดสัปดาห์นี้เป็นที่ถกเถียงกันว่าปักกิ่งควรเร่งความเร็ว ของการพัฒนา Cbdc ในการแข่งขันระดับโลก โดยบทความดังกล่าวระบุว่าจีนควรคว้าความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำรายแรกในเวทีของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งมีลักษณะเป็น “สนามรบใหม่” ของการแข่งขันระหว่างประเทศ
บทความดังกล่าวอ้างว่า นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต่อสถานะในการเงินระหว่างประเทศและโอกาสที่จะทำลายความเป็นเจ้าโลกของดอลลาร์และทำให้เงินหยวนเป็นสากล
รวมไปถึงสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดย PBoC จะเป็นประโยชน์ต่อนโยบายการเงินของประเทศซึ่งมีความสำคัญมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดซึ่งเต็มไปด้วยความท้าทายทางเศรษฐกิจ
ในเดือนสิงหาคม ปักกิ่งได้ประกาศทดลองใช้เงินหยวนดิจิทัลในเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กวางโจวและฮ่องกง ซึ่งเกี่ยวข้องกับประชากร 400 ล้านคนหรือประมาณ 29% ของประชากรทั้งประเทศ
PBOC ยังวางแผนที่จะใช้ดิจิตอลหยวนในปี 2022 ที่กีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว และนอกเหนือจากการแข่งขันด้านสกุลเงินดิจิทัลแล้ว ทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาต่างให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาบล็อกเชนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อ้างอิง : LINK
https://bitcoinaddict.org/2020/09/21/beijing-sees-digital-currencies-as-new-battlefield-in-global-finance/
วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563
เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์จะมาทำลาย Bitcoin หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญมีคำตอบ
เทคโนโลยีควอนตัมคอมพิวเตอร์จะมาทำลาย Bitcoin หรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญมีคำตอบ
สิงหาคม 24, 2020
นักวิทยาศาสตร์ด้านควอนตัมรายหนึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ถึงผลกระทบต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมต่อระบบการเข้ารหัส (cryptography) และ cryptocurrency ในขณะนี้
โดยอ้างอิงจากวีดีโอบน Youtube ตัวหนึ่งได้มีนักวิทยาศาสตร์ควอนตัมรายหนึ่งนามว่า Anastasia Marchenkova ที่ได้ออกมาแบ่งปันความเห็นของเธอเกี่ยวกับการแข่งขันและการพัฒนาเพื่อทำลายเทคโนโลยีการเข้ารหัสด้วยคอมพิวเตอร์ควอนตัม
“อัลกอริทึมของ Shor (ควอนตัม) สามารถที่จะทำลาย RSA และ elliptic curve cryptography ที่ถือเป็นปัญหาอย่างมากเนื่องจากว่าข้อมูลของเราในทุกวันนี้ถูกเข้ารหัสด้วยอัลกอริทึ่มสองตัวดังกล่าวนั้น แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมนั้นก็ไม่ได้รวดเร็วไปสำหรับทุกอย่าง แต่มันเร็วขึ้นในการแก้ไขปัญหาบางส่วน และนั่นดูเหมือนว่าจะเป็น RSA และ elliptic curve encryption
แต่มันก็ยังมีอัลกอริทึ่มการเข้ารหัสในแบบอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม และพวกเราจำเป็นที่จะต้องค้นหามัน และก็นำมันไปใช้งานจริง ก่อนที่เครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาดที่ใหญ่กว่านี้จะถูกสร้างขึ้นมา การทำลายการเข้ารหัสนั้นจำเป็นที่จะต้องมี qubit เป็นจำนวนมหาศาลอย่างมาก ศึ่งอยู่ที่ประมาณ 10 ล้าน qubit โดยประมาณ แต่มันถือเป็นหนึ่งในการค้นพบว่าสิ่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมสามารถทำได้นั้นมีอะไรบ้าง
เครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมนำเอาพลังจาก quantum properties มาเพื่อใช้สุ่มตัวเลขให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม และนั่นถือเป็นส่วนประกอบหลักของเทคโนโลยีที่ที่อยู่เบื้องหลังการเข้ารหัสแบบ RSA ท้ายสุดนี้ก็คือข้อมูลส่วนตัวของเรานั้นจะไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไปหากเรามีเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมที่มีขนาดใหญ่มากกว่านี้ ดังนั้นพวกเราจึงต้องทำอะไรกับมันสักอย่าง”
เมื่อไม่นานมานี้คอมพิวเตอร์ควอนตัมดูเหมือนว่าจะกลายมาเป็นข่าวใหญ่หน้าหนึ่งทั่วโลก เนื่องจากหลายคนกลัวว่ามันจะมาเป็นภัยคุกคามต่อระบบการเข้ารหัส ที่ถือเป็นหัวใจหลักสำคัญของเหรียญ cryptocurrency และก็อินเตอร์เน็ทในตอนนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัมนั้นมีความสามารถในการเจาะรหัสและแก้ไขสมการตัวเลขที่มีความซับซ้อน เนื่องจากว่าตัว qubit หรือ quantum bit สามารถที่จะนำมาใช้เพื่ออยู่ในรูปแบบที่เรียกว่า “superimposition” ด้วยการทำงานในสอง state ในเวลาเดียวกันได้
แต่ในขณะเดียวกันนาง Marchenkova นั้นไม่คิดว่าผู้ถือเหรียญคริปโตนั้นจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้าย Bitcoin ของพวกเขาไปยัง wallet ที่ปลอดภัยจากคอมพิวเตอร์ควอนตัมในทันที แต่เธอเชื่อว่าใครก็ตามที่ถือเหรียญคริปโตอยู่ควรที่จะเริ่มศึกษาและอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าวได้แล้ว เนื่องจากว่าสักวันหนึ่ง blockchain มีความจำเป็นที่จะต้องถูกอัพเกรดให้สามารถปกป้องตัวเองต่อการมาของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ควอนตัมได้“ใช่ คุณควรที่จะกังวล แต่ไม่ใช่ตอนนี้ คุณยังไม่จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนย้าย Bitcoin ของคุณในวันนี้ ไปยัง wallet ที่ทนทานต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่คำถามก็คือ เราจะอัพเกรด blockchain ได้อย่างไร
เราสามารถที่จะ fork มันได้ และเดินไปข้างหน้าต่อ ทุกอย่างจะเป็นไปโดยปกติ หากเราสามารถที่จะหาอัลกอริทึ่มที่ปลอดภัยต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่คำถามก็คือพวกเราจำทำอย่างไรต่อเหรียญเก่า หรือเหรียญที่สูญเสีย private key ไปแล้ว พวกเราจะกล่าวว่า ‘ขอโทษนะ บาย ตอนนี้ส่วนนี้ของ chain จะไม่สามารถใช้งานได้แล้ว จนกว่าคุณทำการเคลื่อนย้ายมัน หรือเข้ารหัสมันใหม่’ หรือเราจะค้นหาเทคโนโลยีใหม่ล่ะ?”
ธนาคารกลางจีนเริ่มทดสอบเหรียญหยวนดิจิตอลในร้านค้าปลีกแล้ว
ธนาคารกลางจีนเริ่มทดสอบเหรียญหยวนดิจิตอลในร้านค้าปลีกแล้ว
แม้จะมีรายงานออกมาหลายแห่งที่เผยว่าธนาคารกลางของจีนกำลังทดสอบการทำธุรกรรมเหรียญดิจิตอลหยวน (CBDC) ด้วยจำนวนเม็ดเงิน volume ขนาดใหญ่ โดยทางธนาคารกล่าวว่าพวกเขากำลังโฟกัสไปที่การทำธุรกรรมขนาดเล็กบนร้านค้าปลีก แต่ก็ยังมีการคอนเฟิร์มว่าการทดสอบดังกล่าวนี้อยู่ในบางมณฑลอีกด้วย
เหรียญดิจิตอลหยวนของจีนถูกนำไปทดสอบทำธุรกรรมขนาดเล็ก
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานที่ออกมาเคลมว่าทางธนาคารกลางแห่งประเทศจีนได้ทำการทดสอบสกุลเงินดิจิตอลสำหรับธนาคารกลาง หรือหยวนดิจิตอล โดยการทดสอบหลักๆของเขาจะเป็นการทดสอบด้วย volume จำนวนมหาศาลเพื่อที่จะดูว่ามันสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน
นอกจากนี้แล้วยังมีข่าวลืออีกด้วยว่าในเมืองเซินเจิ้น หรือทางใต้ของจีนโดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้งได้มีการรองรับการใช้งานเจ้าเหรียญดังกล่าวแล้วหลังจากที่ประชาชนบางคนออกมาเคลมว่าพวกเขาได้รับเหรียญดังกล่าวเป็นจำนวนมากจากธนาคารหลังจากที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ได้
อย่างไรก็ตามสำนักข่าว Global Times ได้ออกมายืนยันข่าวลือดังกล่าวด้วยการอ้างอิงรายงานของธนาคารกลางจีน โดยรายงานจากวันนี้เผยว่าธนาคารกลางนั้นกำลังทดสอบเหรียญ CBDC ในร้านค้าปลีกบางแห่ง
“ในขณะนี้ จุดมุ่งหมายของการทดสอบนั้นก็เพื่อที่จะให้แน่ใจว่าขั้นตอนการทำงานของเหรียญดังกล่าวนั้นสามารถทำงานได้อย่างลื่นไหลและปลอดภัย และเพื่อที่จะดูว่าเหรียญดิจิตอลของธนาคารกลางนั้นสามารถถูกแจกจ่ายจากธนาคารกลางไปสู่สถาบันการเงินได้ดีขนาดไหน
เมื่อการทดสอบจับร้านค้าปลีกนั้นประสบความสำเร็จ พวกเขาก็จะมีการทำธุรกรรมขนาดใหญ่เกิดขึ้น” กล่าวโดยศาสตราจารย์ Wang Peng จาก Gaoling School of Artificial Intelligence ที่มหาวิทยาลัย Renmin University
การทดสอบเหรียญดิจิตอลดังกล่าวนั้นถูกทำขึ้นในเมืองเซินเจิ้น, ซูโจว, เฉิงตู, และเหอเป่ย
อย่างไรก็ตามการทดสอบเทคโนโลยีดังกล่าวในเมืองเซินเจิ้นนั้นดูเหมือนว่าจะมีมานานแล้วนะแต่ว่าก่อนหน้านี้บริษัทหลายๆที่ในเมืองดังกล่าวเริ่มมีการโพสรับสมัครงานด้านบล็อกเชนและอื่นๆอีกมากมายที่เกี่ยวกับคริปโต
https://siamblockchain.com/2020/08/24/68185peoples-bank-of-china-cbdc-tested-on-small-retail-transactions/
วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ธนาคารของรัฐรายใหญ่ของจีนเริ่มทดสอบ Wallet สำหรับ “หยวนดิจิตอล” แล้ว
- สิงหาคม 7, 2020 มีรายงานว่ากลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินการโดยรัฐในจีน กำลังดำเนินการทดสอบภายใน (internal testing) กับ Wallet ที่ออกแบบมาสำหรับ “หยวนดิจิตอล” หรือสกุลเงินดิจิทัลของประเทศจีน (DCEP)
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม รายงานจากรอยเตอร์ระบุว่า ธนาคารได้มีการทดสอบการประยุกต์ใช้ Wallet application เพื่อโอนเงินและชำระเงินในสกุลเงินของธนาคารกลางจีนหรือ DCEP โดยตามรายงานระบุว่า การพัฒนาดังกล่าวได้รับการเปิดเผยในขั้นต้นจากทางหนังสือพิมพ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐโดดยมีการอ้างถึงแหล่งข่าวที่ระบุว่าพนักงานของธนาคารของรัฐในเมืองต่าง ๆ รวมถึงเซินเจิ้นได้เริ่มทดสอบแอพหยวนดิจิลตอลแบบภายในเพื่อการโอนเงินและชำระเงิน
การพัฒนาครั้งใหม่นี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญอีกครั้งของจีนในการนำเงินหยวนดิจิตอลมาใช้ และสอดคล้องกับเป้าหมายสำคัญของธนาคารกลางของจีนอย่าง PBOC โดยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม PBOC รายงานว่าจีนควรส่งเสริมการพัฒนาเงินหยวนดิจิทัลอย่างจริงจังโดยเป็นส่วนหนึ่งของความสำคัญสูงสุดในช่วงครึ่งหลังของปี 2020
ในขณะที่จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้มงวดที่สุดในแง่ของการควบคุม Crypto แต่อีกมุมก็ยังเป็นผู้นำของโลกในเรื่องการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของประเทศ โดยธนาคารกลางของจีนมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องในส่วนของ Cbdc และในเดือนเมษายน จีนก็ประสบความสำเร็จในการทำโครงการนำร่องในสี่เมือง ได้แก่ เซินเจิ้น เฉิงตู ซูโจว และสงอัน
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม มีรายงานว่า PBoC มีเจตนาที่จะใช้เงินหยวนดิจิตอลเพื่อลดการครอบงำของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีเช่น Alibaba และ Tencent
อ้างอิง : LINK
https://bitcoinaddict.org/2020/08/07/chinas-state-run-banks-reportedly-testing-wallet-for-digital-yuan/?utm_source=izooto&utm_medium=push_notification&utm_campaign=Bitcoin_Addictวันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2563
อดีตรองประธานธนาคารกลางจีน ต้องการผลักดันให้ “หยวนดิจิตอล” ใช้แทนเงินสดหมุนเวียน
อดีตรองประธานธนาคารกลางจีน ต้องการผลักดันให้ “หยวนดิจิตอล” ใช้แทนเงินสดหมุนเวียน
- สิงหาคม 3, 2020
อดีตรองประธานาธิบดีของธนาคารกลางจีนผลักดันให้สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางอย่าง “หยวนดิจิตอล” ถูกใช้แทนเงินสดหมุนเวียน
Wang Yongli อดีตรองประธานาธิบดีของธนาคารแห่งประเทศจีนและผู้อำนวยการสถาบันวิจัย Haixia Blockchain กล่าวว่า สกุลเงินดิจิตอลสามารถเป็นตัวแทนสำหรับเงินสดได้อย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ควรถูกจำกัดอยู่เพียงแค่นั้น Global Times รายงาน
Wang กล่าวว่า สกุลเงินดิจิตอลสามารถช่วยปรับโครงสร้างการเงิน และอาจรวมถึงการตั้งค่า “basic accounts” สำหรับหน่วยงานทางสังคมทั้งหมดในแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง สิ่งนี้ทำให้ธนาคารสามารถควบคุมสกุลเงินดิจิตอลได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินในปัจจุบันมากนัก
ความคิดเห็นของเขาเกิดขึ้นเมื่อธนาคารกลางหลายแห่งกำลังพิจารณาใช้สกุลเงินดิจิทัล โดยธนาคารแห่งประเทศจีนถือว่าอยู่ในระดับแถวหน้าด้วยแผนการที่จะออกเงิน “หยวนดิจิตอล” แม้จีนยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเงินหยวนดิจิตอล แต่คนในวงการบางคนเชื่อว่ามันอาจไม่กลายเป็นสกุลเงินที่แพร่หลายเนื่องจาก “China Dream” รวมถึงธนาคารกลางอื่น ๆ ก็เริ่มสำรวจในการออกสกุลเงินดิจิทัลเช่นกัน
เมื่อเร็ว ๆ นี้ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นได้แต่งตั้งหัวหน้าฝ่ายวิจัยเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล และฟิลิปปินส์ประกาศแผนการที่จะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัล (CBDC) ของตนเช่นกัน
วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
“ซูโจว” ประสบความสำเร็จในการนำร่อง “หยวนดิจิตอล” และร่วมกับ Cypherium เพื่อพัฒนา Blockchain City
- กรกฎาคม 30, 2020
“ด้วยการทดสอบหลายครั้งที่เกิดขึ้นในเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนงานในเมืองซูโจวที่ได้รับเงินอุดหนุนค่าเดินทางด้วย DCEP และการทำงานร่วมกันนี้จะมีบทบาทในการพิจารณาว่าโครงการใดจะประสบความสำเร็จ”
วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
“ความฝันของจีน” (China Dream) อาจขัดขวางการพัฒนา “หยวนดิจิตอล”
“ความฝันของจีน” (China Dream) อาจขัดขวางการพัฒนา “หยวนดิจิตอล”
- กรกฎาคม 26, 2020
ประเทศจีนเป็นผู้นำการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ในตอนนี้ เนื่องจาก “หยวนดิจิตอล” กำลังได้รับการทดสอบแล้วในบางพื้นที่ในประเทศจีนในขณะที่ประเทศตะวันตกเพิ่งเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับ CBDC เท่านั้น
ธนาคารกลาง 6 แห่ง เช่น ECB, ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ, ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้เริ่มทดสอบ CBDC แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ระบุเมื่อไหร่ กลับกันด้านสหรัฐอเมริกายังไม่ได้เริ่มพูดถึงมันอย่างเป็นทางการ โดยเมื่อเดือนที่แล้วประธานธนาคารกลาง Jerome Powell ก็ไม่ได้เปิดเผยความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับเงินดอลลาร์ดิจิทัล
ดังนั้นดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่จะมาหยุดการพัฒนา “หยวนดิจิตอล” ของจีนลงได้
อย่างไรก็ตาม Takaya Nakamura ผู้บริหารระดับสูงจากเว็บเทรด Crypto ของญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่าเงินหยวนดิจิทัลจะไม่ชนะเพราะ “ความฝันของจีน” (China Dream)
“ความฝันของจีน” (China Dream) เป็นสโลแกนทางการเมืองที่ประธานาธิบดี Xi Jinping เปิดเผยในปี 2012 โดยเป็นสโลแกนชาตินิยมที่มีจุดประสงค์เพื่อให้บรรลุความฝันของจีนในการฟื้นฟูครั้งใหญ่ของประเทศ โดยเด็กๆชาวจีนจะมีอนาคตที่ดี พวกเขาจะได้พบกับ “สังคมที่พออยู่พอกินอย่างทั่วถึง” ประเทศมีความทันสมัย และระบอบสังคมนิยมที่เข้มแข็ง และเมื่อครบ 100 ปีแห่งการสถาปนาจีนใหม่ “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ในปี 2049 ประเทศจีนจะเป็นประเทศที่ทันสมัย มีรายได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว
ซึ่ง Nakamura อ้างว่า “ความฝันของจีน” จะเป็นตัวขัดขวางการยอมรับในวงกว้างของการใช้เงินหยวนในระบบดิจิตอล
“ผมไม่คิดว่าเงินหยวนดิจิทัลจะเหนือกว่า” เขากล่าว
“พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ต้องให้ความสำคัญกับ “ความฝันของจีน” ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาความเป็นปึกแผ่นของพวกเขาเอาไว้และจะพังทลายลง แต่ถ้าพวกเขาทำมันมากเกินไป พวกเขาก็จะแยกตัวเองออกไปจากโลกและสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ นี่เป็นผลกระทบในเชิงลบ”
จากข้อมูลของ Nakamura เมื่อจีนถูกลบออกจากเครือข่ายการค้าโลก พวกเขาจะสูญเสียเงินสำรองต่างประเทศ ซึ่งการมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้เพียงพอจะมีความสำคัญเนื่องจากจีนต้องการเวลาในการเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเพื่อทำลายอำนาจเงินดอลลาร์สหรัฐ
“ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาแห่งอำนาจของเงินดอลลาร์ การมีเงินสำรองต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญมาก และหากในที่สุดแล้วจีนต้องสูญเสียมันไป จะทำให้จีนยากที่จะผลักดันเงินหยวนดิจิทัล”
Nakamura สรุปว่าจีนจะมีโอกาสก็ต่อเมื่อสหรัฐฯจัดการกับสถานการณ์อย่างน่ากลัว และไม่ทำอะไรเลยในช่วงเปลี่ยนผ่านของจีนสำหรับหยวนดิจิทัล
“พรรคคอมมิวนิสต์จีน (CCP) ต้องให้ความสำคัญกับ “ความฝันของจีน” ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาความเป็นปึกแผ่นของพวกเขาเอาไว้และจะพังทลายลง แต่ถ้าพวกเขาทำมันมากเกินไป พวกเขาก็จะแยกตัวเองออกไปจากโลกและสูญเสียความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ นี่เป็นผลกระทบในเชิงลบ”
“ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาแห่งอำนาจของเงินดอลลาร์ การมีเงินสำรองต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญมาก และหากในที่สุดแล้วจีนต้องสูญเสียมันไป จะทำให้จีนยากที่จะผลักดันเงินหยวนดิจิทัล”
เครือข่าย Blockchain ของจีน หรือ BSN ยังคงทำงานเป็นเครือข่ายเดียว ไม่ได้แยกออกแต่อย่างใด
เครือข่าย Blockchain ของจีน หรือ BSN ยังคงทำงานเป็นเครือข่ายเดียว ไม่ได้แยกออกแต่อย่างใด
- กรกฎาคม 26, 2020เครือข่าย Blockchain ของจีน หรือ BSN ที่กำลังจะพิจารณาเพิ่ม public blockchain ในขณะที่ยังคงรักษาเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันและไม่ได้แยกออกเป็นหน่วยงานต่าง ๆ Red Date Tech CEO ยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ BSN ได้มีการแบ่งกลุ่มที่แตกต่างกันโดยมีแนวคิดว่าจะมีการเพิ่ม public blockchain ที่สอดคล้องกับกฎหมายจีน ขณะที่อีกกลุ่มจะพัฒนา public blockchain ที่ยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งสามารถรองรับระบบนิเวศในระดับสากลกลุ่มที่รับผิดชอบ international blockchain หรือ BSN-International จะนำโดย Red Date Tech และอีกกลุ่มคือ BSN- China จะถูกควบคุมโดย BSN Development AssociationYifan He ซีอีโอของ Red Date Tech บอกว่าทั้งสองกลุ่มยังคงทำงานบนเครือข่าย BSN global network และไม่ได้แยกออกเป็นหน่วยงานแยกต่างหาก“แต่ละประเทศมีกฎหมายและข้อบังคับในการควบคุมการใช้งานและการใช้อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎความเป็นส่วนตัว , ความปลอดภัยและการจำกัดข้อมูล เมื่อ BSN จะไปสู่ระดับโลกจะต้องปฏิบัติตามนโยบายประเภทเดียวกันนี้ในแต่ละประเทศหรือภูมิภาค การดำเนินงานของ BSN ทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับในท้องถิ่นนั้น ๆ โดยในประเทศจีนมีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบที่ชัดเจนเกี่ยวกับการติดตั้งเครือข่ายบล็อกเชนสาธารณะที่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจาก BSN มีความหมายว่าเป็นเครือข่ายการทำงานร่วมกันทั่วโลกจึงต้องปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ในประเทศจีน แต่มันก็มีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรองรับระบบนิเวศจากบล็อกเชนอื่น ๆ เช่นเครือข่าย Blockchain สาธารณะในระดับสากล”ในขณะที่ BSN-International มีองค์กรกำกับดูแลอิสระที่แยกออกจากองค์กรปกครองของเครือข่ายในประเทศ โดยเขากล่าวว่าสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่า BSN-International จะไม่รวมเข้ากับ BSN ในจีนอีกต่อไปแต่อย่างใด