เมษายน 17, 2019 5:03 PM
แจ็คหม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ได้ทุ่มเงินลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างสถาบันตั๊กม้อ (DAMO Academy) ให้เป็นหน่วยวิจัยเทคโนโลยีระดับโลกของจีน พร้อมตั้งวิสัยทัศน์ใหญ่ไว้ 3 ข้อ ได้แก่ สถาบันตั๊กม้อต้องอายุยืนกว่าอาลีบาบา, ต้องมีเป้าหมายยกระดับชีวิตของประชากรโลกอย่างน้อย 2,000 ล้านคน และต้องมองไปยังอนาคตเสมอ เพื่อวิจัยเทคโนโลยีสำหรับรับมือปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (ไม่ใช่เพียงปัญหาในอดีตหรือปัญหาในวันนี้)
เมื่อต้นปี ค.ศ. 2019 ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งแรกที่สถาบันตั๊กม้อออกรายงานแนวโน้มเทรนด์เทคโนโลยีเผยแพร่แก่สาธารณะ เรียกได้ว่าเป็นการมองไปในอนาคตอย่างแท้จริง โดยฉายภาพ 10 เทรนด์ที่กำลังปฏิวัติเทคโนโลยีจีน
ทั้ง 10 เทรนด์ มีพื้นฐานมาจากพลังของ “สามปฏิวัติ” ได้แก่ การปฏิวัติพลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ การปฏิวัติรูปแบบอัลกอริทึมของ AI และการปฏิวัติเทคโนโลยีสื่อสาร 5G
เรามาดูกันครับว่า 10 เทรนด์สำคัญ นี้มีอะไรบ้าง
- เมืองอัจฉริยะครบวงจร โดยจะมีการใช้เทคโนโลยีจำลองผล (Simulation) จากข้อมูลมหาศาลของเมือง เพื่อใช้ทำนายและบริหารจัดการระบบจราจร ระบบประปา ระบบไฟฟ้า และคุณภาพอากาศ เมืองหลายแห่งของจีนจะมี “City Brain” ซึ่งเป็นระบบ AI แบบบูรณาการที่ใช้วางแผนการจัดการทรัพยากรต่างๆ ในเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
- Speech AI จะก้าวข้าม Turing Test (Turing Test คือ การทดสอบว่า เสียง AI เหมือนเสียงคนจริงๆ พูดหรือไม่) ในปัจจุบัน มีหลายกรณีที่เสียงของ AI เหมือนเสียงคนจนแยกไม่ออกว่าไม่ใช่คนจริง (ลองนึกถึง AI ผู้ประกาศข่าวของจีนที่แชร์กันอย่างแพร่หลาย) ต่อไปจะเริ่มมีการใช้เสียง AI แทนการใช้พนักงานบริการที่เป็นคนมากขึ้น เช่น การใช้เสียงเอไอเอในการโทรแจ้งลูกค้าว่าพัสดุส่งถึงแล้ว เป็นต้น
- ชิปสำหรับใช้กับ AI โดยเฉพาะ ซึ่งจะเข้ามาทดแทนระบบ GPU ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ชิปสำหรับใช้กับ AI โดยเฉพาะจะสามารถประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลได้รวดเร็วกว่าเทคโนโลยีชิปในรูปแบบดั้งเดิม ก่อนหน้านี้ สถาบันตั๊กม้อได้เคยประกาศแผนวิจัยและพัฒนาชิปประมวลผลสำหรับ A.I. โดยเฉพาะ ใช้ชื่อว่า ‘Ali NPU’ โดยตั้งเป้าพัฒนาให้ชิปตัวนี้มีประสิทธิภาพต่อราคาสูงกว่าชิปที่มีอยู่ในตลาด 40 เท่า และมีความเร็วของ NPU สูงกว่าชิปในตลาดที่ใช้ CPU หรือ GPU เป็นหลัก 10 เท่า
- AI จะเริ่มคิดเชิงเหตุผลได้ โดยผสมเทคโนโลยี Super large graph neural network เข้ากับ deep learning techniques ซึ่งจะพัฒนาให้ AI เริ่มให้เหตุผลเบื้องต้นได้ นับเป็นการปฏิวัติแนวทางการพัฒนาอัลกอริทึมของ AI ให้มีความฉลาดขึ้นไปอีกขั้น จากที่ผ่านมาทำได้เพียงประมวลผลข้อมูล แต่ไม่สามารถวิเคราะห์แยกแยะให้เหตุผลแบบมนุษย์ได้
- ระบบคอมพิวเตอร์เข้าสู่ยุค Quantum Computing จากเดิมที่เป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่มี CPU เป็นหน่วยประมวลผลกลาง เปลี่ยนมาเป็นการประมวลผลเฉพาะแต่ละโดเมนในยุค Quantum Computing การเปลี่ยนแปลงนี้อาจนับเป็นการปฏิวัติโครงสร้างระบบคอมพิวเตอร์แบบเดิม และจะผลักให้ AI เข้าสู่ยุคทอง
- 5G จะปฏิวัติโลกเทคโนโลยี เพราะทำให้มีความเร็วสูงกว่า 4G ถึง 100 เท่า นำไปสู่การประยุกต์ใช้ที่หลากหลาย เช่น การพัฒนาวิดีโอที่มีความคมชัดสูง การพัฒนา Augmented Reality และ Virtual Reality นอกจากนั้น โครงสร้างพื้นฐาน 5G จะรองรับการส่งผ่านปริมาณข้อมูลมหาศาล ซึ่งสามารถตอบรับกับยุค Internet of Things (IOT) ซึ่งของใช้รอบตัวเราจะเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต พร้อมเก็บและประมวลข้อมูลการใช้ด้วยระบบอัจฉริยะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้เราอย่างสมบูรณ์แบบ
- ใบหน้าแทนที่บัตรประชาชน ด้วยเทคโนโลยี facial recognition ที่มีความแม่นยำ ปัจจุบัน เราสามารถสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกโทรศัพท์ได้แทนการใช้พาสเวิร์ด ในอนาคตอันใกล้ คนจีนจะสามารถสแกนใบหน้าเพื่อจ่ายเงิน (Smile and Pay) ไปจนถึงเพื่อตรวจคนเข้าเมืองแทนที่การใช้พาสปอร์ต
- รถยนต์ไร้คนขับจะเปลี่ยนทิศทางการพัฒนา ในอดีต การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับเน้นไปที่การพัฒนาตัวรถให้ขับเองได้ แต่ในช่วงถัดจากนี้ ด้วยเทคโนโลยี 5G ที่ก้าวหน้า การพัฒนารถยนต์ไร้คนขับจะเข้าสู่ยุคการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแวดล้อมที่เหมาะสมกับรถยนต์ไร้คนขับ (vehicle-road coordination) เช่น ถนนเลนพิเศษสำหรับรถยนต์ไร้คนขับที่จะมีการติดตั้งเซนเซอร์รองรับและช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้รถยนต์ไร้คนขับ นอกจากนั้น จะเริ่มมีการทดลองใช้รถยนต์ไร้คนขับในเชิงพาณิชย์ เช่น ในการส่งสินค้าหรืออาหารในระยะใกล้ การทำรถประจำทางไร้คนขับที่มีเลนเฉพาะ การใช้รถไร้คนขับในพื้นที่ทดลองในสวนสาธารณะ
- ใช้บล็อกเชนในเชิงพาณิชย์ ตั้งแต่ระบบการจ่ายเงินข้ามพรมแดน การปล่อยสินเชื่อเพื่อเครือข่ายธนกิจ (Supply chain financing) การออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
- เทคโนโลยีความปลอดภัยด้านข้อมูลจะได้รับการพัฒนา เพราะเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลจะเป็นความท้าทายที่สุดในโลกยุคใหม่ ดังนั้น จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านนี้มากขึ้น เช่น เทคโนโลยีการป้องกันการโจรกรรมข้อมูล เทคโนโลยีการตรวจสอบย้อนกลับข้ามระบบ (Cross system traceability technology) เป็นต้น
อ่านแล้วคิดเหมือนผมไหมครับว่า โลกยุคใหม่กำลังเปลี่ยนเร็วและแรงเหลือเกิน และในวันที่โลกของจีนดูเหมือนจะหมุนเร็วกว่าเพื่อน และพร้อมจะทดลองประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว จึงย่อมจะมีหลากหลายเทรนด์และความท้าทายจากจีนให้เราได้ติดตามอย่างใกล้ชิดครับ